มาดู 8 ขั้นตอนง่ายๆ เอาไว้ฝึกเจ้าเหมียวน้อยที่บ้านให้เชื่อง!!

WM

“แมว” เป็นสัตว์ที่มีนิสัยรักอิสระชอบทำอะไรตามใจตัวเอง

ทาสแมวหลายคนจะรู้กันดีว่าเจ้าเหมียวที่เป็นเจ้านายของเรานั้นเอาแต่ใจ ไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่งสักเท่าไหร่ การจะเลี้ยงแมวให้เชื่องนั้นก็ถือเป็นเรื่องยากเหลือเกินใช่ไหมคะ แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ ที่จะเป็นตัวช่วยให้ทาสทั้งหลายได้นำไปใช้ในการฝึกเจ้าเหมียวน้อยให้อยู่ที่บ้านกับเราอย่างมีความสุข แถมน้องยังเชื่องได้อีกด้วยค่ะ

เป็นที่รู้กันดีกว่า น้องแมวนั้นเป็นสัตว์ที่มีนิสัยรักอิสระชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ทำให้คนเลี้ยงแมวส่วนใหญ่คิดว่าเค้าไม่เหมาะกับการนำมาฝึก แต่อันที่จริงแล้วเราสามารถเลี้ยงแมวเชื่อง เชื่อฟัง และทำตามกฏกติกาที่เราตั้งเอาไว้ได้นะคะ เพียงแต่ต้องรู้เทคนิคที่เหมาะสม รวมถึงควรเริ่มต้นฝึกลูกแมวเค้าตั้งแต่ยังเล็กอยู่ เท่านี้โอกาสที่จะฝึกเค้าได้สำเร็จก็จะมากขึ้นแล้วล่ะ มาดูเทคนิคการฝึกแมวกันเลยดีกว่า

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/pexels-2286921/

1. เริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคน
เจ้าของควรดูแลลูกแมวอย่างใกล้ชิด ควรจับลูกแมวอย่างเบามือ กอด และอุ้มอย่างต่อเนื่องเมื่อลูกแมวมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ และหากเด็กๆ อยากเล่น ควรสอนวิธีเล่นกับลูกแมวให้เด็กๆด้วย โดยปกติลูกแมวจะยอมให้คนจับและเข้าใกล้ได้ง่ายขึ้นเมื่อลูกแมวเห็นแม่แมวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ การมองเห็นแม่แมวอยู่ในสายตานั้นทำ ให้ลูกแมวมั่นใจได้ว่าสิ่งรอบข้างไม่มีอะไรน่ากลัว

2. ฝึกให้ลูกแมวเข้าสังคม
เมื่อลูกแมวมีอายุได้ 4-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยเล่นซน ลูกแมวจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นกับแมวตัวอื่น แต่สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงลูกแมวตัวเดียว ก็สามารถสร้างความคุ้ยเคยด้วยการให้ลูกแมวเล่นกับของเล่น เพื่อฝึกให้ลูกแมวเรียนรู้การสื่อสาร ทำให้สามารถเชื่อฟังเจ้าของมากยิ่งขึ้นเมื่อโตเต็มวัย
และเพื่อลดความกลัวคนแปลกหน้า เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวทำความคุ้นเคยกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก และสอนเด็กเล็กให้เรียนรู้วิธีในการเล่นกับลูกแมวอย่างถูกต้อง ไม่แกล้งหรือแหย่ เพราะอาจทำให้ลูกแมวหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าหาอีก

3. พาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์อยู่เสมอ
เจ้าของควรพาลูกแมวตัวใหม่ไปตรวจสุขภาพก่อนทุกครั้ง โดยสามารถเริ่มตั้งแต่พาไปถ่ายพยาธิเมื่ออายุ 1 เดือน และสามารถเริ่มโปรแกรมวัคซีนได้ตั้งแต่ 2 เดือนเป็นต้นไป และหมั่นพาไปพบสัตว์แพทย์ตามโปรแกรมสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะได้รับวัคซีนครบถ้วน ลูกแมวก็จะมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/adinavoicu-485024/

4. ฝึกลูกแมวให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย
เป็นที่รู้กันดีว่าลูกแมวมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงต้องการคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และให้พลังงานสูงเป็นพิเศษ เช่น อาหารสำหรับลูกแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมจากโปรแพลน ที่นอกจากจะมีโปรตีนสูง และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกแมวแล้ว ยังมีส่วนผสมของโคลอสตรัม (colostrum) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยตอบสนองต่อการทำวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น

โดยสามารถให้เริ่มทานได้ตั้งแต่หลังหย่านมจนถึง 1 ปี และถึงแม้ว่าในช่วง 5 เดือนแรก ลูกแมวจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่าในช่วงระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากอายุ 6 เดือนขึ้นไป อัตราการเจริญเติบโตของลูกแมวจะค่อยๆ ลดลง เจ้าของจึงต้องปรับเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมวทานอาหารอย่างเหมาะสมกับในแต่ละช่วงวัย

5. ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอาบน้ำและแปรงขน
เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการทำความสะอาดและแปรงขนตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถปรับตัวได้เร็ว ในลูกแมวพันธุ์ขนยาวควรหมั่นแปรงขนให้ทุกวัน ส่วนสำหรับลูกแมวพันธุ์ขนสั้นสามารถแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เทคนิคสำคัญคือการนำอุปกรณ์แปรงขนมาวางให้ลูกแมวเห็น จากนั้นค่อยๆ แปรงลงไปบนตัวลูกแมวเบาๆ ทีละน้อยแต่บ่อยๆ และควรทำในเวลาที่ลูกแมวรู้สึกผ่อนคลาย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/quangpraha-7201644/

6. คอยสังเกตเมื่อลูกแมวมีสัญญาณของอาการป่วย
การแปรงขนและอาบน้ำให้ลูกแมวจะช่วยให้เราได้สำรวจสภาพผิวหนังและขนของลูกแมวเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น กลาก เกลื้อน บาดแผลต่างๆ ที่อาจขึ้นมาบนผิวหนัง รวมถึงตัวเห็บ หมัด ก้อนขน และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ทันที เพราะฉะนั้น เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการจับหรือสัมผัสทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ลูกแมวเชื่อง เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไว

7. ฝึกพฤติกรรมลูกแมวให้มีวินัยอยู่เสมอ
เราสามารถเริ่มฝึกพฤติกรรมได้โดยเริ่มจากการตั้งชื่อลูกแมว เมื่อลูกแมวมีชื่อแล้ว เจ้าของควรให้คนในครอบครัวเรียกชื่อเดียวกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรบ่อยๆ เพื่อฝึกให้ลูกแมวจดจำและเชื่องต่อการเรียกชื่อ ในบางครั้งลูกแมวอาจแสดงพฤติกรรมเล่นซนเพราะอยากเล่นสนุก เจ้าของสามารถฝึกลูกแมวให้เล่นกับของเล่นแมวต่างๆ เช่น เสาลับเล็บ กล่อง หรือลูกบอล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการเล่นแรงๆ เพราะลูกแมวอาจต่อสู้กลับด้วยการข่วน ตะปบ หรือกัดได้ ซึ่งหากเจ้าของโดนกัดหรือข่วน ก็ควรดุลูกแมวให้จดจำเพื่อให้รับรู้ว่าไม่ควรทำอีก แต่ควรหลีกเลี่ยงการตะโกนใส่เพราะลูกแมวมีหูที่ไวต่อเสียงมาก อาจจะทำให้เขาตกใจกลัว และเมื่อลูกแมวไม่ดื้อไม่ซน ทำตัวตามที่เราฝึกสอนแล้ว ก็ควรเอ่ยชมให้กำลังใจ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/dimhou-5987327/

8. ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
เจ้าของควรฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางด้วยการให้ใช้กระบะทราย โดยควรแยกกระบะทรายไว้ให้เป็นสัดส่วนในบริเวณบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ควรขับถ่าย เช่น หลังมื้ออาหาร หลังการงีบหลับยาวๆ ก็จับลูกแมวไปไว้ในห้องน้ำแมว และฝึกให้ลูกแมวขับถ่ายในตอนตื่นและก่อนเข้านอนอย่างสม่ำเสมอ

ง่ายมากๆ เลยใช่ไหมคะ สำหรับเคล็ดลับในการฝึกลูกแมวให้เชื่องตามที่ DooDiDo นำมาฝากทาสแมวในวันนี้ การฝึกแมวอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยลักษณะนิสัยที่เอาแต่ใจของแมว อาจทำให้เจ้าของต้องใช้เวลาในการฝึกพอสมควร แต่ถ้าหากฝึกได้ คุณกับน้องแมวก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างมากๆ เลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.proplan.co.th, www.purinaone.co.th