มาดู!! 5 ประโยชน์ที่ได้จากการทำหมันให้น้องแมวเหมียวของคุณ

WM

หากเจ้าของไม่ต้องการขยายหรือเพาะพันธุ์แมว ควรพาน้องแมวไปทำหมัน!!

การทำหมันให้กับแมวของคุณนั้น เป็นการควบคุมจำนวนของประชากรของน้องแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการแก้ปัญหาการเกิดของแมวจรจัดได้เป็นอย่างดี เพราะในแต่ละปีนั้น แมวสามารถตั้งครรภ์ได้ถึง 4 ครั้งเลยค่ะ การทำหมันในแมวจึงเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อช่วยลดจำนวนประชาการแมวไม่ให้เพิ่มมาอีกนั่นเอง

เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่สามารถผสมพันธุ์ได้ปีละหลายครั้ง และให้กำเนิดลูกแมวหลายตัวต่อหนึ่งครอก บ่อยครั้งเราจึงพบปัญหาจำนวนประชากรแมวมากเกินไป จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมต้องมีการคุมกำเนิดในแมว ซึ่งปัจจุบันยังมีเจ้าของแมวหลายคนเข้าใจว่าการฉีดยาคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ดีที่ไม่ทำให้แมวเจ็บปวด รวมถึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วการฉีดยาคุมกำเนิดนั้นมีความเสี่ยงหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น อาจทำให้แมวเกิดภาวะมดลูกอักเสบ หรือหากทำการฉีดยาคุมกำเนิดให้แมวที่กำลังตั้งท้อง อาจส่งผลให้แมวมีภาวะคลอดยาก ลูกตายในท้อง หรือแม่แมวเสียชีวิตได้ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงข้างต้น การทำหมันแมวจึงถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการคุมกำเนิดแล้ว ยังส่งผลดีต่อแมวในหลาย ๆ ด้านที่จะกล่าวถึงในลำดับต่อไป

ประโยชน์ของการทำหมันแมว
การทำหมันแมวมีข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดโอกาสการเกิดโรคบางโรค หรือช่วยแก้ปัญหาด้านพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/quangpraha-7201644/

1.ลดจำนวนประชากรแมวที่ไม่ต้องการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาแมวจรจัดยังเป็นปัญหาที่พบได้มากในปัจจุบัน การทำหมันแมวจะช่วยลดการเกิดของลูกแมวที่เจ้าของไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ต้องการ และยังช่วยลดการเพิ่มของแมวจรจัดในลำดับต่อมา

2.ลดโอกาสการเกิดโรค
การทำหมันแมวช่วยลดโอกาสการเกิดโรคได้ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ทั้งในแมวเพศผู้และเพศเมีย เช่น ช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม หรือช่วยลดความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นที่บริเวณรังไข่ มดลูก หรืออัณฑะ เป็นต้น

3.ลดการแสดงอาการติดสัด
ในแมวเพศเมียวัยเจริญพันธุ์ที่ยังไม่ได้ทำหมัน โดยปกติแล้วตามธรรมชาติมักจะแสดงอาการติดสัด เช่น การส่งเสียงร้องโหยหวน บิดตัวไปมา อันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแมวพร้อมที่จะผสมพันธุ์ ซึ่งการทำหมันแมวเพศเมียจะช่วยลดอาการเหล่านี้ ที่สร้างความกวนใจให้กับบางคนได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/guvo59-9285194/

4.ลดพฤติกรรมก้าวร้าว
โดยทั่วไปแมวเพศผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มักจะมีนิสัยก้าวร้าว ดุร้าย หรือทะเลาะกันเพื่อแย่งแมวเพศเมีย ซึ่งการทำหมันแมวเพศผู้ นอกจากจะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวเหล่านี้ได้แล้ว ยังช่วยลดโอกาสที่แมวเพศผู้จะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ และลดความเสี่ยงจากการติดโรคต่าง ๆ ทางบาดแผล เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว (Feline Leukemia Virus ;FeLV) หรือโรคเอดส์แมว (Feline Immunodeficiency Virus ;FIV) ได้อีกด้วย

5.ลดพฤติกรรมการสร้างอาณาเขต
เนื่องจากพฤติกรรมสร้างอาณาเขตด้วยการปัสสาวะของแมวเพศผู้ (urine marking) เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศผู้ ดังนั้นการทำหมันแมวเพศผู้ ซึ่งเป็นการตัดลูกอัณฑะที่เป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนเพศผู้ออกไป จึงมีส่วนช่วยให้พฤติกรรมเหล่านี้ในแมวเพศผู้ลดลงได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/guvo59-9285194/

ช่วงเวลาเหมาะสมที่ควรพาแมวไปทำหมัน
เราสามารถเริ่มพาแมวไปทำหมันได้ตั้งแต่ช่วงที่แมวเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ โดย The American Association of Feline Practitioners (AAFP) แนะนำให้เริ่มทำหมันในแมวที่อายุประมาณ 5 เดือน อย่างไรก็ตามสำหรับแมวเพศเมียยังจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจนมั่นใจแล้วว่าไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งท้อง หรือได้รับการผสมพันธุ์ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อนทำหมัน หรือกรณีแมวที่เพิ่งคลอด ควรรอจนกระทั่งลูกแมวหย่านมและสามารถกินอาหารได้เอง จึงจะพาแม่แมวไปทำหมันได้ สำหรับแมวเพศผู้ก่อนการทำหมันควรตรวจสอบจนมั่นใจก่อนว่า ลูกอัณฑะเคลื่อนตัวลงไปอยู่ในถุงอัณฑะครบทั้ง 2 ข้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่ต้องคำนึงในการทำหมันแมว
เนื่องจากการทำหมันแมว ไม่ว่าเป็นแมวเพศผู้หรือเพศเมียเป็นการผ่าตัดที่ต้องมีการวางยาสลบ จึงอาจเป็นอันตรายต่อแมวบางตัวที่ร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อแมว การเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัดและการทำความเข้าใจในกระบวนการผ่าตัดต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่เจ้าของแมวควรคำนึงและพึงปฏิบัติมีดังต่อไปนี้

1. ปรึกษากับสัตวแพทย์ เบื้องต้นหากเจ้าของแมวตัดสินใจที่จะพาแมวไปทำหมัน ควรเริ่มจากการพาแมวไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกรักษาสัตว์ เพื่อประเมินความแข็งแรงของแมวและความเสี่ยงในการวางยาสลบ โดยหากตรวจแล้วพบว่าแมวมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สัตวแพทย์จะทำการนัดหมายวันผ่าตัดในลำดับต่อไป

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/guvo59-9285194/

2. เตรียมตัวแมวก่อนผ่าตัด สิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนการผ่าตัดนั่นคือการงดอาหารและน้ำแมวอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เนื่องจากการทำหมันแมวต้องมีการวางยาสลบ ซึ่งยาสลบส่วนใหญ่มักจะมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อทางเดินอาหาร จึงอาจทำให้อาหารที่อยู่ในทางเดินอาหารไหลย้อนกลับ ส่งผลให้แมวเกิดอาการสำลักอาหารลงปอด จนอุดกั้นทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้กรณีที่เจ้าของแมวไม่มั่นใจว่าแมวกินอาหารมาก่อนหรือไม่ จำเป็นต้องแจ้งให้สัตวแพทย์ทราบก่อนการวางยาสลบทุกครั้ง
3. ทำความเข้าใจวิธีการทำหมันแมวโดยสังเขป การทำหมันแมวเพศผู้และเพศเมียนั้นจะมีความแตกต่างกัน สำหรับแมวเพศผู้จะเป็นการผ่าตัดเพื่อนำลูกอัณฑะและท่อนำอสุจิออก ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดและมีความเสี่ยงในการผ่าตัดน้อยกว่าการทำหมันแมวเพศเมีย ที่จะเป็นการเปิดผ่าช่องท้องเพื่อนำรังไข่และมดลูกออก
4. เข้าใจวิธีการดูแลแมวหลังการผ่าตัด การดูแลแมวหลังผ่าตัดเป็นเรื่องที่เจ้าของแมวไม่ควรละเลย โดยเฉพาะในแมวเพศเมีย โดยปกติสัตวแพทย์จะแจ้งให้เจ้าของทราบถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการดูแลต่าง ๆ หลังการผ่าตัด เช่น การดูแลแผลผ่าตัด โดยเจ้าของแมวต้องคอยระมัดระวังไม่ให้แมวกัดแทะ เลียแผลผ่าตัด โดยการใส่ปลอกคอกันเลีย จำกัดบริเวณเพื่อลดการวิ่งหรือกระโดด จนเกิดอันตรายต่อแผลผ่าตัด ซึ่งโดยทั่วไปหากแผลผ่าตัดสมานได้ดีและแมวไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ สัตวแพทย์จะนัดตัดไหมประมาณ 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด ดังนั้นการดูแลเรื่องการออกกำลังกายและอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ตามที่ DooDiDo ได้นำเสนอมาข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่าการทำหมันให้กับแมวนั้นมีข้อดีอยู่หลายข้อเลยค่ะ ซึ่งหลังทำหมันแล้ว นิสัยของแมวอาจจะเปลี่ยนไปนะคะ เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนใหญ่แมวจะกินและนอนมากขึ้น เรียบร้อย และมักจะชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยหนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน ข้อดีถือว่าเป็นข้อดีมากๆ สำหรับเจ้าของเลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.proplan.co.th