มาดู!! สาเหตุที่ทำให้เรากลายเป็นคน “ขี้ลืม”

WM

รู้หรือไม่ว่าอาการขี้หลงขี้ลืมเริ่มเป็นสัญญาณว่าเรา “อายุมากขึ้น” แล้ว

อาการขี้ลืมเนี่ยต่อให้คุณจะไม่ได้มีอายุมากขนาดนั้นแต่ก็ยังมีหลายๆ ครั้งที่คุณมักจะเผลอลืมอะไรไปในบางเรื่องใช่มั้ยล่ะคะ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ขี้ลืมอยู่แล้ว คุณอาจจะเคยสงสัยบ้างในบางทีว่า “ทำไมเราถึงได้ขี้ลืมแบบนี้นะ” กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นแล้วล่ะก็เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดที่สุดเลยล่ะค่ะ แต่เรื่องตลกปนน่ารักของคนขี้ลืมนั่นก็คือ บางครั้งเค้าเหล่านั้นก็รู้ตัวแหล่ะค่ะว่า เป็นคนขี้ลืม เลยมักจะจดสิ่งต่างๆ ที่สำคัญลงในสมุดโน็ตที่สุดท้ายก็ลืมทิ้งไว้ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าหากเป็นคนรอบข้างพวกเค้าแล้วล่ะก็คงจะปวดหัวไม่น้อยเลย

แต่ไม่มีใครไม่อยากเป็นคนขี้ลืม จริงไหมล่ะคะ? เพราะเมื่อไรที่เราเริ่มลืมอะไรบางอย่างบ่อยๆ เข้า ก็เริ่มเป็นสัญญาณว่าเรา “อายุมากขึ้น” แล้ว ยิ่งถ้าเรายังอยู่ในวัยเรียน วัยทำงาน หากหลงๆ ลืมๆ บ่อยๆ คงทำให้เกรดตก ทำงานได้ไม่ดีอย่างที่ใจคิดแน่ๆ วันนี้เราจึงมาไขข้อสงสัยถึง “สาเหตุที่ทำให้คุณกลายเป็นคนขี้ลืม” ให้ทุกคนได้รู้ถ้วนหน้ากันค่ะ หากคุณยังไม่ได้ขี้ลืมถึงขั้นเป็นโรคอัลไซเมอร์ เราก็พอจะระบุหาสาเหตุของอาการขี้หลงขี้ลืมเหล่านี้ได้ จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ Harvard Health Publishing

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ornaw-8155178/
  1. อายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น สมองก็อาจแสดงสัญญาณให้รู้ว่ามันกำลังเสื่อมสภาพ เช่นเดียวกับริ้วรอยที่เริ่มปรากฏบนผิว หรือข้อต่อที่เริ่มส่งเสียง โรคอัลไซเมอร์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหลังอายุ 65 ปี แต่อาการขี้ลืมระดับเบาๆ จะเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้นไม่ต้องตกใจถ้าพบว่าตัวเองต้องใช้ความพยายามในการเรียนรู้สิ่งใหม่มากขึ้น หรือต้องใช้เวลาคิดคำในการพูดแต่ละครั้ง ทั้งนี้การออกกำลังกาย การทานอาหารที่ดีต่อสมอง และหมั่นเข้าสังคมก็อาจช่วยให้คุณมีสมองที่เฉียบแหลมนานขึ้น

  1. นอนไม่พอ

สังเกตตัวเองได้ง่ายๆ เลยว่า หากวันนั้นเบลอๆ มึนๆ งงๆ สมองทำงานช้า คิดอะไรไม่ทัน ตัดสินใจได้ช้าลง ก็ลองถามตัวเองดูว่าเมื่อคืนนอนกี่ชั่วโมง หรือช่วงนี้ได้นอนคืนหนึ่งต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมงหรือไม่ นอกจากการพักผ่อนน้อยจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราขี้ลืมได้แล้ว ยังทำให้เรามีอารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียวได้ง่าย และยังเสี่ยงมีอาการวิตกกังวล ที่สามารถนำไปสู่ภาวะหลงลืมได้อีกด้วย

  1. ดื่มแอลกอฮอล์มากไป

อย่างที่เราทราบดีว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ความคิดยุ่งเหยิงขณะที่กำลังดื่ม แต่การดื่มเหล้าอย่างหนักสามารถทำให้ผู้ดื่มมีอาการหลงลืมหลังสร่างเมาแล้วเช่นกัน นอกจากนี้บางคนที่ดื่มแอลกอฮอล์มาทั้งชีวิตอาจสูญเสียความฉลาดหลักแหลมไปเลย แต่คนส่วนมากสามารถคาดหวังได้ว่า อาการขี้ลืมจะกลับมาดีขึ้น โดยอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์จนถึงขั้นนานเป็นเดือน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@punttim
  1. ความเครียด วิตกกังวล

หากคุณสังเกตว่าช่วงนี้สมองคุณมีเรื่องให้ต้องคิดอย่างหนักตลอดเวลา อาจทำให้คุณละเลยข้อมูลอื่นๆ ใหม่ๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นมาได้ เพราะว่าคุณจะไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นๆ นั่นเอง

  1. ภาวะซึมเศร้า

อาการบ่งบอกถึงภาวะซึมเศร้าที่สังเกตได้ง่าย คือไม่ร่าเริงสดใส หน้านิ่งไม่ไหวติง ไม่มีแรงบันดาลใจที่อยากจะทำอะไร และมีความสุขน้อยลงกับกิจกรรม หรือบางสิ่งบางอย่างที่เคยมอบความสุขให้มาก่อน นั่นจึงรวมไปถึงการทำงานของสมองที่เลือกที่จะไม่จดจำอะไรเป็นพิเศษไปด้วย

  1. การรักษาโรคบางชนิด

หากคุณกำลังรักษาโรคประจำตัวบางอย่างที่ต้องกินยาระงับประสาท ยาแก้ซึมเศร้า ยาควบคุมความดันโลหิตบางชนิด และการรักษาโรคบางที อาจมีผลต่อการทางด้านความจำของสมอง อาจทำให้ผู้ที่ได้รับยาเหล่านี้มีสมาธิที่จะจดจำ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ยากมากยิ่งขึ้น หากคิดว่ายาที่กินอยู่มีผลกระทบต่อการจำ ลองปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อลองหาสาเหตุที่แท้จริง หรือพิจารณายาตัวใหม่แทน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/tomwieden-26234/
  1. ภาวะขาดไทรอยด์

ภาวะขาดไทรอยด์ หรือไฮโปไทรอยด์ อาจส่งผลต่อความสามารถในการจดจำได้เช่นกัน (รวมทั้งอาการข้างเคียงที่เกิดจากภาวะขาดไทรอยด์ ได้แก่ การถูกรบกวนขณะนอนหลับ ที่อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า และอาจเป็นสาเหตุที่ลดความสามารถในการจดจำได้ด้วย) หากอยากรู้ว่าตัวเองเสี่ยงภาวะขาดไทรอยด์หรือไม่ สามารถขอเข้ารับตรวจโลหิตเพื่อหาภาวะขาดไทรอยด์ได้

สำหรับหลายๆ คนที่ขี้หลงขี้ลืมอยู่บ่อยๆ อาจจะเกิดขุ่นเคืองใจตัวเองบ้างใช่มั้ยล่ะคะว่า “ทำไม เราถึงขี้ลืมแบบนี้” หรืออาจจะเคยต่อว่าตัวเองที่มักจะลืมอะไรอยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากอ่านบทความนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมสังเกตตัวเองด้วยนะคะว่า ตัวเองอาจจะเป็นคนขี้หลงขี้ลืมด้วยสาเหตุอะไรได้บ้าง และลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นๆ ดู และพยายามแก้ไขปัญหาที่อาจจะพบได้จากการขี้ลืมของตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากการทำงาน หากทำได้แล้วล่ะก็ เท่านี้ DooDiDo คิดว่าคุณก็จะไม่ขี้หลงขี้ลืมบ่อยๆเหมือนที่ผ่านมาแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.sanook.com