มัมมี่ การรักษาสภาพศพ เพื่อรอคอยการกลับคืนร่างของวิญญาณ

ฟุตบอล

ศพที่เก็บรักษาหรือแช่ในสารละลายพิเศษในอียิปต์พันรอบตัวด้วยผ้าลินินสีขาว

การรักษาสภาพของศพ เพื่อรอการฟื้นตัวของวิญญาณของคนตาย ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ คำว่า มัมมี่ มาจากคำว่า มัมมียะ (Mummiya) คำภาษาเปอร์เซีย หมายถึงศพของศพที่ถูกหมักจนเปลี่ยนเป็นสีดำ โดยชาวอียิปต์โบราณจะทำมัมมี่ของฟาโรห์ และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ นำไปฝังในลักษณะแนวนอนภายใต้พื้นแผ่นทรายของอียิปต์

การอาศัยแรงลมที่พัดผ่านในแถบทะเลทรายอาระเบีย และ ทะเลทรายในพื้นที่รอบบริเวณของอียิปต์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเน่าเปื่อยของซากศพที่อาบด้วยน้ำยาในอียิปต์โบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายเกี่ยวกับการกลับมาของวิญญาณด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อวิญญาณออกจากร่างไประยะเวลาหนึ่งมันจะกลับสู่ร่างเดิมของเจ้าของ จึงจำเป็นต้องถนอม และคงสภาพของร่างกายเดิมโดยการแช่และดองด้วยน้ำยาบีทูมิน ซึ่งจะช่วยรักษาและป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลาทำความสะอาดศพผู้เสียชีวิตอวัยวะภายในจะถูกนำออกโดยใช้ตะขอทองสัมฤทธิ์เพื่อเอาสมองออกทาโพรงจมูกจากนั้นใช้มีดที่ทำจากหินเหล็กไฟซึ่งมีความคมมากตัดด้านข้าง

อียิปต์
ภาพจาก www.google.com

เพื่อกำจัดตับไตกระเพาะอาหารปอดและลำไส้ออกจากศพด้วยหัวใจของฉันที่เหลือการทำความสะอาดศพของผู้ตายอวัยวะภายในจะถูกนำออกโดยใช้ตะขอทองสัมฤทธิ์เพื่อเอาสมองออกทางโพรงจมูก จากนั้นใช้มีดที่ทำจากหินเหล็กไฟซึ่งมีความคมมากตัดด้านข้างเพื่อเอาตับไตกระเพาะอาหารปอดและลำไส้ออกจากศพด้วยหัวใจที่เหลืออยู่

สาเหตุที่ไม่นำหัวใจออกจากร่างกายก็เชื่อเช่นกันว่าหัวใจเป็นศูนย์กลางของวิญญาณ อวัยวะภายในเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วยขี้เลื่อยเศษผ้าลินินโคลนและธูป จากนั้นอวัยวะทั้งหมดจะถูกล้างด้วยไวน์ปาล์มเสร็จแล้วนำไปใส่ภาชนะสี่เหลี่ยมมีฝาปิดที่เรียกว่าคาโนบิก ศพของผู้เสียชีวิตจะถูกดองเค็มเป็นเวลา 7-10 วัน เมื่อศพแห้งสนิทแล้วจะปิดทับด้วยน้ำมันสน จากนั้นศพจะถูกตกแต่งและห่อด้วยผ้าลินินสีขาวเคลือบเรซิน นำมัมมี่ที่ทำเสร็จแล้วใส่โลง พร้อมกับเครื่องรางของขลังต่างๆและมัมมี่บางตัวยังมีหน้ากากที่จำลองใบหน้าของผู้ตายวางไว้บนโลงศพของมัมมี่

โบราณ
ภาพจาก www.google.com

วิธีการทำมัมมี่โดยละเอียดเป็นเวลาหลายร้อยปีกว่าที่ชาวอียิปต์โบราณจะพัฒนาวิธีการรักษาศพให้ใกล้เคียงกับสภาพดั้งเดิมมากที่สุดในปัจจุบันด้วยวิธีการที่เรียกว่าการทำมัมมี่ซึ่งประกอบด้วย2ขั้นตอนคือ 1.การหมักหมมเป็นวิธีที่จะทำให้ศพไม่เน่าเปื่อย2.การห่อเป็นวิธีการห่อศพหลังจากขั้นตอนแรก

ขั้นตอนทั้งสองใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 70 วันโดยสัปเหร่อต้องสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นหัวหน้าของเทพ Anubis ซึ่งเป็นเทพที่ทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อคุณต้องใส่หน้ากากสมุนไพรในขณะทำงานเพื่อปกปิดกลิ่นตัวขั้นตอนแรกในการหมักศพคือการวางศพไว้บนเตียงหินที่มีขอบ ปลายเตียงที่มีรูให้ของเหลวจากศพไหลลงสู่ภาชนะที่วางอยู่บนพื้น จากนั้นศพได้รับการทำความสะอาดด้วยไวน์ปาล์มและสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม และล้างอีกครั้งด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์

ตามด้วยหินแหลมคมที่ผ่าท้องด้านซ้ายหรือบริเวณด้านข้าง อวัยวะเหล่านี้เป็นที่อยู่ของแบคทีเรียจำนวนมากโดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่ทำให้ลำไส้ใหญ่เน่าเสียก่อนแล้วจึงแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของศพ อวัยวะที่นำเอาออกมาได้แก่ กระเพาะอาหาร ปอด ตับ ลำไส้ ส่วนหัวใจ

มัมมี่
ภาพจาก www.google.com

ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณจริงๆแล้วยังมีม้ามไตรังไข่และมดลูกที่ไม่ได้ถูกนำออกไป นับได้ว่าชาวอียิปต์โบราณมีเทคโนโลยีที่สูงมากอวัยวะทั้งหมดที่นำออกมาเป็นอวัยวะที่อาจนำแบคทีเรียและเน่าก่อนอวัยวะอื่น ๆ ทำให้พลอยลุกลามเน่าไปทั้งตัวอาจทำให้มัมมี่ล้มเหลว

เนื้อเยื่อสมอง แต่เดิมไม่ได้ถูกกำจัดออกไปเมื่อศพแห้งสมองจะสูญเสียของเหลวและแห้งเป็นก้อนกลมในกะโหลกศีรษะ มีเสียงดังเวลาเคลื่อนศพ ต่อมามีการนำเนื้อเยื่อสมองออกมา ใช้ปลายตะขอสอดผ่านรูจมูกผ่านฐานของกะโหลกศีรษะส่วนethmoidซึ่งบางที่สุด ในการตีเนื้อสมองจากนั้นคว่ำหน้าให้เนื้อสมองไหลออกทางจมูกเรียกวิธีนี้ว่า transethmoidal excerebration หลังจากนั้นจะเติมน้ำมันดินที่ต้มแล้วลงในกะโหลกศีรษะและบางส่วนก็ใช้เรซิน

วิญญาณ
ภาพจาก www.google.com

อวัยวะที่นำมาจากศพพวกเขาจะล้างให้สะอาดแล้วปิดทับด้วยสารที่เรียกว่า natron ซึ่ง ได้แก่ โซเดียมคาร์บอเนตพื้นเมืองและโซเดียมไบคาร์บอเนตซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี จากนั้นห่อด้วยผ้าและเก็บไว้ในขวดโหลที่ทำจากไม้เนื้อแข็งหรือหิน หัวของโถคือศีรษะของเทพเจ้าทั้งสี่ซึ่งเป็นบุตรของเทพฮอรัส (เทพเจ้าสูงสุดที่ชาวอียิปต์โบราณเคารพนับถือ)

ตับถูกบรรจุในขวด Imsety เทพที่มีเศียรเป็นคนปอดถูกบรรจุอยู่ในขวด Hapy เทพที่มีเศียรเป็นบาบูนกระเพาะอาหารถูกบรรจุไว้ในชาม Duamutef เทพที่มีเศียรเป็นหมาไนลำไส้ถูกบรรจุในขวดของเทพเจ้า Qebehsenuef เทพที่มีเศียรเป็นเหยี่ยว

เทพ
ภาพจาก www.google.com

ไหทั้งสี่ถูกเก็บไว้ในกล่องที่ได้รับการปกป้องโดย 4 Devies Isis, Nephthys, Selket, Neithโดยทำเป็นรูปสลักวางไว้ที่มุมกล่องแต่ละมุมเป็นรูปร่างของเทพธิดาทั้งสี่ที่กางปีกเพื่อปกป้องอวัยวะในโถกล่องนี้ถูกเก็บไว้ในสุสานพร้อมกับซากศพลำตัวเหมือนกัน natron สอดเข้าไปในช่องท้องจากนั้นปิดทับด้วยเนตรอนอีกชั้นซึ่งจะเปลี่ยนทุกๆ 3 วันและใช้ระยะเวลาประมาณ 40-60 วันศพจึงแห้งสนิทของเหลวในงานศพไหลผ่านรูที่ปลายเตียงลงสู่ภาชนะด้านล่างและได้รับการบันทึกไว้สำหรับการฝังศพ

เมื่อถึงกำหนดศพก็ล้างร่างกายด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์ จากนั้นทาผิวด้วยน้ำมันเพื่อให้มีความยืดหยุ่น และตกแต่งศพด้วยตาเทียมหากผู้ตายมีฐานะดีอาจติดคิ้วไว้ผมติดผมปลอมหรือแต่งเล็บด้วยทองคำและพลอย อาจกดเมล็ดพริกไทยลงในจมูกเพื่อป้องกันไม่ให้จมูกบด บางคนก็อัดแฟลกซ์เข้าปากเพื่อให้แก้มเต่งตึง

อวัยวะ
ภาพจาก www.google.com

ประมาณปี 1,000 BC อวัยวะภายในเริ่มถูกห่อด้วยผ้าลินิน บรรจุในช่องท้องจากนั้นจะบีบอัดด้วยขี้เลื่อยใบไม้แห้งหรือปอเพื่อให้มีสภาพคล้ายกับตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ทั้ง 4 ไหแม้ว่าจะไม่ได้ใช้บรรจุอวัยวะภายในก็ตาม ยังคงเก็บไว้ในป่าช้าเช่นเดิม

ขั้นตอนต่อไปเรียกว่าการห่อคือห่อด้วยผ้าลินิน มันเริ่มห่อจากศีรษะมือนิ้วเท้าเหมือนการร่ายหลายชั้นนิ้วแขนและขาถูกพันออกจากกัน ทุกชั้นทาด้วยเรซินเหลวระหว่างผ้ามีการวางเครื่องรางหลายประเภท และเอาผ้าป่ามาพันไว้มีพิธีสวดมนต์ขณะห่อผ้า และวางม้วนกระดาษปาปิรัสที่เรียกว่าหนังสือแห่งความตายหรือหนังสือแห่งความตายไว้ตรงกลางศพห่อด้วยผ้าหลายชั้น จากนั้นห่อด้วยผ้าใบลินินที่วาดภาพเทพโอซิริสเทพเจ้าแห่งยมโลก และพ่อของเทพโฮรัสห่อด้วยผ้าผืนใหญ่แล้วมัดเป็นท่อน ๆ ด้วยผ้าป่านในลักษณะเดียวกับมัด

เทพโอซิริส
ภาพจาก www.google.com

หลังจากนั้นจะต้องทำพิธีเปิดดวงตาตามความเชื่อที่ว่ามัมมี่จะมองเห็นได้ คุณสามารถกินและดื่มน้ำได้ จากนั้นบรรจุในโลงศพ (coffin) ที่มีลักษณะเหมือนคน 3 ชั้นแล้วบรรจุในโลงหิน (sarcophagus) วาดภาพผู้เสียชีวิตไว้บนฝาโลงศพเพื่อให้วิญญาณที่เรียกว่า Ka กลับคืนสู่ร่างเดิมได้ในขณะที่ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพ

จะเห็นได้ว่าการทำมัมมี่นั้นใช้เวลานานและมีราคาแพง คนฐานะดีเท่านั้นที่ทำได้ ส่วนผู้มีรายได้น้อยอาจใช้หุ่นเชิดแทนการทำมัมมี่ ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่านอกจากร่างกายยังมีวิญญาณเรียกว่าแฝดที่มองไม่เห็นประกอบด้วยกาแปลว่าวิญญาณและบาหมายถึงวิญญาณ

SA Game
ภาพจาก www.google.com

บาหรือวิญญาณคือดวงวิญญาณที่มีลักษณะคล้ายกับนกตัวเล็ก ๆ มันมีหัวที่เหมือนความตายซึ่งวนอยู่รอบ ๆ ตัวมัมมี่และกาหรือวิญญาณก็คือวิญญาณที่ตายไปแล้วพร้อมกับร่างของมัน ดังนั้นมัมมี่จึงต้องถูกสร้างขึ้นหรือสร้างภาพเหมือนเพื่อให้ Ka อยู่ได้มัมมี่เป็นหุ่นที่ดีที่สุด ต้องให้อาหาร เชื่อว่ามิฉะนั้นกาจะตายไปพร้อมกับร่างกายเมื่อกลับมาเกิดใหม่กาและบาจะรวมร่างที่เตรียมไว้ เพื่อคืนชีพอีกครั้ง

เรื่องของมัมมี่เป็นที่สนใจในวงการแพทย์มาช้านาน เนื่องจากต้องมีการศึกษามัมมี่โดยการรักษาสภาพเดิมจึงไม่สามารถผ่าเพื่อศึกษาได้สิ่งนี้ทำให้นักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ในอดีตสามารถศึกษาร่างกายของมัมมี่ได้อย่าง จำกัดโดยการศึกษาเอ็กซเรย์และการส่องกล้อง (ขอบเขต)

การแพทย์
ภาพจาก www.google.com

เนื่องจากวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปถึงความพร้อมของเครื่อง MRI ในปัจจุบันจึงสามารถศึกษามัมมี่ได้อย่างละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะกะโหลก นี่แสดงวิธีทำให้มัมมี่มีรายละเอียดมากขึ้น และเอาสมองออกด้วยวิธี transethmoidal excerebration นั่นคือจะเห็นรูที่ฐานกะโหลกเหนือโพรงจมูกจากเครื่อง MRI เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบโรคและสาเหตุการเสียชีวิตต่างๆของชาวอียิปต์โบราณเช่นเพดานโหว่กะโหลกร้าวโพรงกะโหลกอักเสบ (mastoiditis) โรคเหงือกและฟัน โรคที่พบบ่อยในอียิปต์โบราณ ได้แก่ โรคตาวัณโรค (TB) โรคเกาต์โรครูมาติซึมไข้ทรพิษโรคทางนรีเวช

อียิปต์
ภาพจาก www.google.com

ยาที่ใช้ ได้แก่ ครีมยาเม็ดสมุนไพรไขมันเลือดอวัยวะสัตว์น้ำผึ้งเป็นต้นจะเห็นได้ว่าอียิปต์โบราณมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างสูงมัมมี่เป็นเพียงส่วนเดียว นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมมหาวิหารขนาดใหญ่ สมบัติมากมายที่เก็บไว้ในสุสานซึ่งเตรียมไว้สำหรับใช้ในโลกของตุตันคาเมนที่มีชื่อเสียง DooDiDo สุสานแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งกษัตริย์ จึงรอดพ้นสายตาของโจรหลงเหลือให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหลุมฝังศพที่ประกอบขึ้นเป็นพีระมิดขนาดมหึมาเป็นโครงสร้างที่มองเห็นได้ง่าย ดังนั้นการถูกปล้นจึงไม่เหลือสมบัติให้เห็นในปัจจุบัน

แหล่งที่มา : SLASHGEAR