“มะเร็งปากมดลูก” โรคร้ายที่ผู้หญิงทุกคนต้องรู้
มะเร็งปากมดลูกเป็นภัยเงียบที่ผู้หญิงอย่างเราต้องระวังมากที่สุด
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในโรคที่สามารถกล่าวได้เลยว่าผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นได้เยอะเป็นอันดับที่ 2 รองจากมะเร็งเต้านม คือ “มะเร็งปากมดลูก” โดยมีอัตราความเสี่ยงมากถึงประมาณ 90 % หากไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์หรือแต่งงานแล้วจะมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วสามารถหายได้เองในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี อย่างไรก็ตามด้วยความเสี่ยงที่สูงจึงต้องมีการฉีดวัคซีน HPV หรือทำการตรวจร่างกายเป็นประจำ
มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัส HPV ซึ่งโดยปกติแล้วมักมาจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างไรก็ตามยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นได้ด้วย เช่น การสูบบุหรี่ ทานยาคุมกำเนิดมาเป็นเวลายาวนานกว่า 5 ปี เคยคลอดบุตรมาแล้วหลายครั้ง เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ในช่วงระยะก่อนมะเร็งมดลูก หรือเคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคซิฟิลิส และโรคหนองใน เป็นต้น
สัญญาณของมะเร็งปากมดลูก
ปกติแล้วเวลาเชื้อ HPV เข้าไปสู่ร่างกายจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาจนกว่าจะเข้าสู่ระยะลุกลามที่เกินเยียวยาเสียแล้ว โดยสังเกตได้จากอาการ ดังนี้
-มีเลือดออกจากช่องคลอด บางคนอาจจะหมดประจำเดือนไปแล้ว แต่ยังมีเลือดออกจากช่องคลอด หรือมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน
-ประจำเดือนมานานผิดปกติ
-ตกขาวมีเลือดปนออกมา และมีกลิ่นเหม็นคาว
-รู้สึกเจ็บ หรือปวดในช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
-กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปวดปัสสาวะบ่อย
ภาวะแทรกซ้อนจากมะเร็งปากมดลูก
เชื้อมะเร็งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียงได้และอาจลามไปถึงสมอง กระดูก ปอด เป็นต้น หลังจากอวัยวะดังกล่าวเริ่มติดเชื้อจะส่งผลให้มีอาการเจ็บปวด เลือดออกตรงบริเวณดังกล่าว ช่องคลอดมีกลิ่น ปัสสาวะมีเลือด เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถส่งผลกับไต และมีผลรุนแรงถึงขั้นไตวายได้อีกด้วย
รักษามะเร็งปากมดลูกอย่างไร
สำหรับการรักษาทั้งขั้นตอนและรูปแบบการรักษาจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางในการรักษาโดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะ และอาการของโรค เป็นต้น โดยมีวิธีการรักษา ดังนี้
ระยะก่อนพบมะเร็ง สามารถรักษา หรือทำการผ่าตัดในบางส่วนของมดลูกเท่านั้น และต้องคอยติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
ระยะพบมะเร็งแล้ว มีวิธีการรักษา เช่น ทำการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด หรือรังสีรักษา เป็นต้น โดยการรักษาสามารถทำร่วมได้มากกว่า 1 วิธีเนื่องจากอาจมีเชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นด้วย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการแนะนำของแพทย์ตามอาการ และความรุนแรงด้วย
การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก จึงมีวิธีป้องกันดังนี้
-ป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์
-ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนหลายคน
-หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
-ตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก
-วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งจะเป็นการป้องกันสายพันธุ์ที่พบว่ามีความเสี่ยงมากที่สุด
จะเห็นได้ว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นภัยเงียบที่ผู้หญิงอย่างเราต้องระวังมากที่สุด เพราะกว่ามันจะแสดงอาการออกมาอาจเป็นตอนที่อยู่ในระยะลุกลามแล้ว DooDiDo ขอแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนหมั่นสังเกตตัวเอง และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีที่สามารถป้องกันตัวเราจากโรคร้ายนี้ได้ โดยทางโรงพยาบาลเพชรเวชมีบริการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัส HPV พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีเลือดปนออกมา ปวดกระดูก
ขอบคุณแหล่งข้อมูล: www.petcharavejhospital.com