ผู้บริโภคควรรู้ “ไข่” ชนิดไหนมีคอเลสเตอรอลสูงที่สุด?
ไข่ชนิดไหนล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
“ไข่” เป็นอาหารของคนหลายชาติหลายภาษา ในแง่โภชนาการ ไข่ขาวและไข่แดงรวมกันจะเป็นอาหารที่สมบูรณ์ ราคาถูก เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน ไก่คือ ผู้ทำอาหารราคาถูกที่คนไม่กินให้เป็นอาหารที่มีคุณภาพดีที่คนกินได้ และเป็นผู้เปลี่ยนคุณภาพอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่เดียว ขึ้นชื่อว่าเป็นไข่เหมือนกัน แต่ไข่แต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทา หรือไข่ประเภทอื่นที่นำมาประกอบอาการได้นั้น ให้ปริมาณของสารอาหารแต่ละอย่างไม่เท่ากัน
ส่วนใหญ่แล้วสารอาหารหลักๆ ที่มีอยู่ในไข่คือ โปรตีน รองลงมาคือไขมัน แล้วตามด้วยสารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม วิตามินเอ ไอโอดีน และคอเลสเตอรอล… ที่หลายคนอาจพยายามหลีกเลี่ยง หากลองเทียบเคียงปริมาณของสารอาหารแต่ละชนิดในไข่แต่ละชนิด จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
คลอเลสเตอรอลคือส่วนประกอบเล็กๆ ในไขมันซึ่งพบได้ในไข่แดง แต่ไม่พบในไข่ขาว คลอเลสเตอรอลในไข่แต่ละชนิดคือสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัว และเต็มไปด้วยความเข้าใจผิด แต่งานวิจัยหลายชิ้นเรื่องคลอเลสเตอรอลในไข่ได้สรุปแล้วว่า การกินไข่มีผลต่อระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาจมีผลต่อระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดน้อยกว่าการกินเนื้อสัตว์ที่มีปริมาณไขมันชนิดอิ่มตัวสูงด้วยซ้ำ
นั่นแปลว่า ถ้าเราไม่ได้กินไข่ในจำนวนที่มากเกินไปต่อวัน (ร่างกายของคนทั่วไปที่สุขภาพปกติ ต้องการคลอเลสเตอรอลจากอาหารวันละ 300 มิลลิกรัม) ก็ไม่ต้องกลัวการกินไข่จนเกินไป สิ่งที่ควรรู้คือไข่แต่ละชนิดให้คลอเลสเตอรอลเท่าไหร่ และสิ่งที่เราต้องควบคุมให้ได้คือจำนวนฟองของไข่แต่ละชนิดที่เรากินเข้าไปในแต่ละครั้งต่างหาก
เรื่องเข้าใจผิดคือ ไข่นกกระทาไม่ได้มีคลอเลสเตอรอลมากที่สุด แต่ที่จริงแล้วมีคลอเลสเตอรอลต่อฟองเพียง 50 มิลลิกรัม ซึ่งน้อยที่สุดในบรรดาไข่ทุกประเภท ส่วนไข่ไก่มีคลอเลสเตอรอลน้อยกว่าไข่เป็ด แต่ไข่เป็ดนั้นมีคลอเลสเตอรอลเท่าไข่เยี่ยวม้าและไข่เค็ม เพราะไข่เยี่ยวม้าและไข่เค็มนั้นคือการเอาไข่เป็ดไปแปรรูปให้อยู่ได้นานขึ้นนั่นเอง แต่สิ่งที่ควรระวังเพิ่มเติมในไข่เยี่ยวม้าคือสารตะกั่วและเชื้อราที่อาจถูกใช้ในกระบวนการหมัก ส่วนไข่เค็มต้องระวังปริมาณโซเดียมที่มาพร้อมความเค็มนั่นเอง
ปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดในไข่ต่างชนิดกัน
ข้อมูลทางโภชนาการของไข่ เปรียบเทียบต่อ 100 กรัม | ||||
|
ไข่เป็ด |
ไข่นกกระทา | ไข่ไก่ | |
พลังงาน | 178 กิโลแคลอรี่ | 171 กิโลแคลอรี่ | 143 กิโลแคลอรี่ | |
โปรตีน | 13.03 กรัม | 13.30 กรัม | 12.77 กรัม | |
ไขมัน | 13.35 กรัม | 12 กรัม | 9.65 กรัม | |
แคลเซียม | 98 กรัม | 153 กรัม | 70 กรัม | |
วิตามินเอ | 269 กรัม | 143 กรัม | 182 กรัม | |
ไอโอดีน | 52 ไมโครกรัม | – | 49 ไมโครกรัม | |
คอเลสเตอรอล | 543 มิลลิกรัม | 508 มิลลิกรัม | 427 มิลลิกรัม | |
ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
จากในตารางจะเห็นว่า ไข่เป็ด มีคอเลสเตอรอลเยอะที่สุด รองลงมาคือไข่นกกระทา และไข่ไก่ (เทียบกับไข่ในปริมาณเท่ากัน) แต่โดยรวมแล้วก็เป็นไข่ที่มีคุณค่าทางสารอาหารอื่นๆ สูงที่สุดเช่นกัน ยกเว้นโปรตีนและแคลเซียม ที่ไข่นกกระทามีมากกว่า แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นไข่ชนิดไหน ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพด้วยกันทั้งนั้น หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไม่ควรกินเกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์ หรือกินตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนผู้ป่วยโรคอื่นๆ สามารถกินไข่ได้วันละ 1 ฟอง หรือตามแพทย์สั่ง
การบริโภคไข่ให้ได้ประโยชน์ DooDiDo แนะนำว่าควรเลือกซื้อไข่ที่สด ใหม่ เปลือกไข่ไม่แตกหรือบุบร้าว เช็ดเปลือกไข่ที่สกปรกให้สะอาด ล้างมือทุกครั้งทั้งก่อนและหลังสัมผัสไข่ ควรเก็บไข่ในตู้เย็นเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เพียงเท่านี้ก็จะได้ประโยชน์จากไข่ได้เต็มที่ สมกับคำว่าไข่คือของดีราคาไม่แพง
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล : www.sanook.com, www.bth.co.th