ปัญหาสุขภาพกับอาการชานิ้วมือ นิ้วเท้าที่ควรต้องระวัง

WM

อาการชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า เป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของระบบประสาท

เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพบางครั้งเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดการล่วงหน้าได้เช่นกันอย่างเช่น อาการชา เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งอาการชาเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาจเกิดจากการนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน, ระดับแร่ธาตุและวิตามินในร่างกายผิดปกติ, ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบำบัดหรือฉายรังสี, โรคบางโรค เช่น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท เบาหวาน ปวดศีรษะ ไมเกรน ลมชัก หลอดเลือดสมอง เป็นต้น

อาการชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทรับความรู้สึกของนิ้วมือ หรือเท้า ได้รับการกระทบกระเทือนหรือเกิดความเสียหาย บางคนอาจรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนมีใครเอาเข็มมาทิ่มแทง หลายคนอาจมองข้ามอาการนี้ เป็นแล้วก็หาย แต่รู้หรือไม่ว่า อาการชาดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบประสาท หากคุณมีอาการชาบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น หรือมีอาการชาไม่ทราบสาเหตุ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย วันนี้เราได้รวบรวมสาระดี เกี่ยวกับอาการชานิ้วมือนิ้วเท้ามาฝากกันค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/27707-27707/

มาอาการชาแบบไหนที่ควรมาพบแพทย์

  • ชาปลายเท้าและปลายมือเข้าหาลำตัว เกิดจากการขาดสารอาหารที่สำคัญบางชนิด ได้แก่ วิตามิน B1, วิตามิน B6 และ วิตามิน B12
  • รู้สึกชาตั้งแต่แขนไปจนถึงนิ้วมือ อาจเกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อม และมีผลต่อการกดทับเส้นประสาท
  • รู้สึกชาเลยข้อมือขึ้นมาจนถึงข้อศอก อาจเป็นสัญญาณเตือนของเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณกระดูกไหปลาร้า
  • ชาตั้งแต่สะโพกลงไปจนถึงเท้า อาจเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท
  • ชาที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วโป้ง อาจเป็นอาการเกี่ยวกับกระดูกคอทับเส้นประสาท
  • ชาบริเวณปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า อาจมาจากภาวะน้ำตาลสูง ส่งผลให้เส้นประสาทส่วนปลายที่ควบคุมการทำงานของมือ และเท้าเสียหาย
  • ชาตามมือและนิ้วมือ มักมีอาการร่วมกับปวดแสบปวดร้อนบริเวณกระดูกและข้อ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคเกาต์

อาการชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า แม้ว่าจะเป็นอาการที่ไม่รบกวนมาก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่หากอาการรุนแรงขึ้น ลามไปที่อวัยวะอื่น อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการชาบ่อยๆ ชาไม่ทราบสาเหตุ อย่านิ่งนอนใจ ควรมาปรึกษาพบแพทย์เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของระบบประสาท

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/fancycrave1-1115284/

“ชาปลายนิ้ว” อาการที่สามารถพบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้มือและแขนในการทำงานอย่างหนัก โดยจะรู้เจ็บแปล๊บที่บริเวณปลายนิ้ว คล้ายถูกเข็มแทงหรือไฟฟ้าช็อต ซึ่งอาการเหล่านี้ หากเกิดขึ้นแบบนานๆ ครั้ง ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะอาจเกิดจากการขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงแบบชั่วคราว แต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ จนไม่สามารถใช้งานมือได้ตามปกติ อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของมือและนิ้วมือ โดยสามารถจำแนกบริเวณที่ชาตามสาเหตุของโรคได้ ดังต่อไปนี้

  • ชาที่นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วโป้ง มีสาเหตุมาจากการกดทับบริเวณเส้นประสาทข้อมือ หรืออาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกคอทับเส้นประสาท ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่ามาก
  • ชาที่นิ้วก้อย อาจเกิดจากเส้นประสาทบริเวณรักแร้ที่ยาวไปถึงนิ้วก้อย สาเหตุจากงอและเกร็งข้อศอกเพื่อถือหูโทรศัพท์เป็นเวลานาน
  • ชาบริเวณปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า มีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน เมื่อผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลสูงเกิน น้ำตาลอาจจะสร้างความเสียหายให้กับเส้นประสาทส่วนปลายเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของมือและเท้า
  • ชาตามมือและนิ้วมือ ร่วมกับการปวดแสบปวดร้อนตามกระดูกและข้อ มีสาเหตุมาจากโรคเก๊าท์ หรือโรครูมาตอยด์ ที่เกิดจากกรดยูริกในร่างกายสูงกว่าปกติ
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/andreas160578-2383079/

วิธีรักษาอาการชาเบื้องต้น

อาจประคบร้อนเพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น หรือพยายามยืดเส้นยืดสายด้วยการขยับนิ้วมือบ่อยๆ ร่วมกับการสะบัดข้อมือ หมุนแขน หมุนไหล่ หรืออาจงดทำกิจกรรมใดๆ ที่ส่งผลให้นิ้วมีอาการเจ็บหรือเช่น การยกของหนักโดยใช้มือ

บางครั้งอาการชาที่ปลายนิ้ว อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินบี และสารอาหารบางชนิดเท่านั้น แต่หากท่านใดมีอาการชาร่วมกับอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ทางที่ดี DooDiDo แนะนำว่าควรจะรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุและทำการรักษาให้ถูกต้องตามปัญหาของโรคนั้นๆ ต่อไป เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.sikarin.com