ปัญหาสิวกวนใจ แก้ได้ ไม่กลับมาให้กวนใจแน่นอน

ปัญหาสิว

เป็น “สิว” ต้องรักษาให้ไว จะได้ไม่สายเกินแก้


เมื่อพูดถึงปัญหาสิว แน่นอนว่า เป็นปัญหาที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใบหน้าของตน และแม้ว่าเจ้าสิวนั้น ถึงจะเป็นปัญหาที่ไม่อันตราย แต่ก็บ่อนทำลายความมั่นใจในตัวเองได้มากเลยหล่ะ มีคนมากมายนั้น เชื่อว่า เจ้าสิวมักจะเกิดขึ้นแค่ในช่วงวัยรุ่น แล้วจะหายไปเองเมื่อเรามีอายุมากขึ้น แต่ความจริงก็คือ แม้อายุปลายเลขสามก็ยังมีเจ้าสิวเกิดขึ้นได้ตลอดเลยเชียวหล่ะ แต่อย่าได้กังวลใจไป เพราะเราจะมาทำความเข้าใจกับสิว และวิธีการรักษาสิวอย่างถูกต้องและเหมาะสม ว่าแต่ “สิว” มีกี่ชนิดกันแน่? แล้วแต่ละชนิดมีหน้าตาเป็นแบบไหน? ต้องดูแลรักษาอย่างไรบ้างนะ? มาดูกันเลย

เจ้าสิว คือ ตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มักจะเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้า และตำแหน่งที่มีต่อมไขมันอยู่หนาแน่น เช่น หน้าอก และหลัง โดยเกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังนั้น ได้มีการสร้างไขมัน มากเกินพอดี โดยทำให้เกิดการอุดตันอยู่ที่บริเวณรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นหัวสิว ที่สามารถอักเสบได้ง่าย หากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น เชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน หรือการใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน เพราะการล้างหน้าที่ไม่สะอาดมากพอ

โดยเจ้าสิวนั้น มีมากถึง 8 ชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สิวผด สิวอักเสบ(หัวช้าง) สิวหัวหนอง สิวชนิดตุ่มนูนแดง สิวอักเสบแดงเป็นก้อน สิวเสี้ยน สิวหัวขาว และ สิวหัวดำ ทำไมกันน้า… หน้าเราก็รักษาอย่างดี ถึงเป็นสิวพวกนี้ไปได้ หลายคนก็คงจะรำคาญ ที่มันไม่หายไปจากหน้าเราเสียที่ เพราะฉะนั้นแล้ว เราไปรู้จักสิวทั้ง 8 ชนิด และวิธีการรักษาเบื้องต้นกันเลยดีกว่า

ปัญหาสิว
ปัญหาสิว
1 – สิวผด (Acne Aestivale)

สิวผด หรือสิวหิน เป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อ (ทำไมฟังดูน่ากลัวจังเลยหล่ะเนี่ย) โดยจะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ จัดว่าเป็นผดที่อยู่บนผิวหน้า พวกนี้เวลาตากแดดร้อนๆ ตุ่มจะชัดเจนขึ้น มีลักษณะเเข็ง เพราะเป็นต่อมเหงื่อที่ไม่มีรูอยู่ใต้ผิวหนังของเรา ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเกิดตรงบริเวณรอบดวงตา เพราะต่อมเหงื่อจะเยอะ เกิดจากเวลาที่เรามีเหงื่อออก แล้วออกไม่หมดนั่นเอง จึงทําให้ต่อมเหงื่ออุดตันจึงเกิดสิวชนิดนี้ ที่มีลักษณะแข็ง เม็ดเล็กๆ ด้วยอากาศบ้านเราที่มีทั้งความร้อน แสงแดด และมลภาวะ ส่งผลให้สาว ๆ ต้องเจอกับปัญหาผิวสารพัด อย่างปัญหา “สิวผด”

วิธีรักษา : อย่าไปตากแดดเป็นเวลานาน แต่ถ้าจำเป็นต้องออกข้างนอก หรือต้องพบเจอแดดร้อนๆ ก็ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เพื่อลดอุณหภูมิผิวหน้าของเรา แต่ว่าบางคนก็เกิดจากแพ้น้ำประปา ก็เลี่ยงมาใช้น้ำดื่มล้างหน้าแทนได้ อย่านอนดึกมากจนเกินไป ให้ลดความเครียด ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า หรืออาจจะ พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ เช็ดหน้าด้วยน้ำมะนาว ประมาณ 10-15 นาที

2 – สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

เป็นสิวอักเสบชนิดที่เรียกได้ว่า รุนแรงมากๆ มักเป็นในวัยรุ่นที่มีผิวหน้ามันมากๆ สิวหัวช้าง นั้นมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น

วิธีรักษา : ต้นเหตุของการเกิดสิวหัวช้าง นั้นมีสาเหตุหลักๆ จากการที่ผิวหน้าไม่สะอาด ดังนั้น การดูแลรักษาผิวหน้าโดยการทำความสะอาดและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน สำหรับผิวหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญ หมั่นล้างหน้าให้สะอาดอย่างอ่อนโยน อย่าปล่อยให้หน้ามีสิ่งสกปรก ถึงจะเป็นแผลก้อนนูนหรือหลุมสิวขนาดใหญ่ ก็ต้องค่อยๆ รักษากันไป โดยจำเป็นมากที่ต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาสิวชนิดนี้ค่ะ

3 – สิวหัวหนอง (Pustule)

มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนตุ่มมีหัวหนองสีเหลือง ซึ่งเกิดจากไขมันอุดตัน การทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ไม่ดีพอ หรือรักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ

วิธีดูแล : ล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง และควรใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยวันละ 2-3 ครั้ง หรือบางคนอาจจะใช้สมุนไพรพอกตรงจุดที่เกิดสิว ใช้แผ่นดูดสิวช่วยซับสิวหัวหนอง (แนะนำ) หากสิวหัวหนองที่อยู่บนหน้า นั้นนานเกินไป ไม่ยอมยุบสักที สามารถกดได้โดยใช้แท่งกดสิวกับเข็มสะกิดหัวสิว ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องผ่านการล้างและเช็ดด้วยแอลกอฮอล์มาอย่างดีแล้วด้วยนะ

4 – สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)

หมายถึง การที่มีตุ่มแดง ขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 ซม. ยื่นขึ้นมา ตุ่มที่ยื่นขึ้นมาเป็นการอักเสบของสิวทำให้มีสีแดง กดเจ็บ ตุ่ม อาจจะอยู่เดี่ยวๆ หรืออยู่เป็นกลุ่มก็ได้ สิวชนิดนี้จะไม่มีหัวไม่มีรูเปิดเหมือนสิวหัวดำ
วิธีรักษา : ล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน ย้ำว่า อ่อนโยน คืออย่าถูหน้าแรง ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้า เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง

5 – สิวอักเสบแดงเป็นก้อน (Nodular Acne)

เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ (ขนาดเกิน 0.5 ซม.) อยู่ใต้ผิวหนัง จับดูจะรู้สึกเป็นไตแข็งๆ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ
วิธีรักษา : เมื่อเป็นสิวชนิดนี้ควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะไม่สามารถรักษาเองได้

6 – สิวอุดตัน (Comedone)

สิวอุดตัน WM นั้นเกิดจากการอุดตันของเซลล์เยื่อบุผิวหนังที่ตายไปแล้ว ผสมเข้ากับน้ำมันบนใบหน้าที่ผลิตจากต่อมไขมันใต้ผิวหนัง โดยการอุดตันนั้นจะเริ่มจากภายในรูขุมขนใต้ผิวหนัง โดยปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดสิวอุดตันนั้น มีมากมายเลยทีเดียว อาทิ เช่น ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ทำงานมากเกินไป จึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินปกติ หรือ เกิดจากผิวสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ เช่น การใช้เครื่องสำอาง รองพื้น หรือครีมบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน จึงทำให้ผิวหน้าของเรานั้นมีความมันมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากล้างหน้าทำความสะอาดใบหน้าที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดการอุดตันและตกค้างในรูขุมขนนั่นเอง

วิธีรักษา : เริ่มจากล้างทำความสะอาดบริเวณผิวหน้าอย่างถูกวิธีวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ทำให้ใบหน้าแห้ง ระคายเคืองกับผิว โดยเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว ให้หลีกเลี่ยงการทำร้ายหน้าด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การบีบ แคะ แกะ เกา เพราะจะเป็นการทำร้ายผิวและเป็นการเปิดช่องผิวให้เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมา

7 – สิวหัวขาว (Whiteheads)

เป็นสิวที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร และมีสีเดียวกับผิวหนังปกติ ไม่สามารถกดออกมาได้ และหากยิ่งกดก็จะยิ่งไปบีบไขมันที่ไม่มีทางออก ทำให้เกิดการทะลักเข้าไปในผิว จึงทำให้เนื้อเยื่อเสียหายได้ และในที่สุดผิวสาวก็ย่อมมาพร้อมสภาพยับเยินและทำให้สิวยิ่งอักเสบหนักขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย

วิธีรักษา : ดูแลใบหน้าให้สะอาด โดยแนะนำให้เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีความเหมาะสมกับสภาพผิว และหลีกเลี่ยงผิวหน้าจากแสงแดด

8 – สิวหัวดำ (Blackheads)

สิวหัวดำ คือ สิวอุดตันหัวเปิด ซึ่งเกิดจากไขมัน แบคทีเรีย และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมอยู่ในรูขุมขน โดยมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีดำขึ้นบนบริเวณใบหน้า

วิธีรักษา : ล้างหน้าให้สะอาด จะช่วยป้องกันการเกิดสิวหัวดำได้ โดยอาจล้างหน้า 2 ครั้ง โดยครั้งแรกอาจล้างหน้าตามปกติ จากนั้นอาจล้างหน้าด้วยครีมหรือโฟมที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกอีกครั้ง และให้หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน และการกดสิว

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับบทความนี้ ที่ทาง DooDiDo ได้พาไปทำความรู้จักกับสิวทั้ง 8 ชนิด และวิธีรักษาให้หายได้ หากว่าทำตามวิธีและขั้นตอนที่เราบอกไปอย่างต่อเนื่อง แน่นอนค่ะว่าปัญหาเรื่อง สิว นั้นจะหายไป ผิวพรรณจะเรียบเนียน ดูดีขึ้นเป็นอย่างแน่นอน

แหล่งที่มา : women.trueid.net, theworldmedicalcenter.com