ต้องลอง!! 6 วิธีลดไขมันหน้าท้องให้ดูเฟิร์มกระชับแบบถาวร

WM

เคล็ด(ไม่)ลับ!! ลดพุง ลดหน้าท้อง อย่างถูกวิธี ทำได้เห็นผลแน่นอน

เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมค่ะ ว่าพุงมาจากไหน เริ่มแรกเราต้องหมั่นสำรวจวิถีการกินในชีวิตประจำวันเสียก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักคิดว่าการอดอาหารมื้อเย็นจะทำให้พุงยุบลงได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารแต่ยังคงรับประทานตามปกติที่สามมื้อต่อวันก็สามารถช่วยให้พุงยุบได้ดีกว่าเป็นหลายเท่าตัว หลายๆ คน ทราบดีว่าการลดกระชับหน้าท้องให้ดูเฟิร์มกระชับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะไหนจะต้องควบคุมอาหารการกิน พักผ่อนให้เพียงพอด้วยน่ะค่ะ

“ลงพุง” นับเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่ไม่ว่าทั้งชายหรือหญิงก็มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้นอกจากจะส่งผลถึงด้านสุขภาพกาย (เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมาเช่น เบาหวาน) แล้ว การมีพุงน้อยๆ (หรือใหญ่) อยู่บริเวณช่วงเอวย่อมส่งผลต่อทางด้านบุคลิกภาพ ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ไปในที่สุด และนอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังต้องใช้ท่าออกกำลังกายที่ถูกต้อง ครบทั้งการเผาผลาญพลังงานและบริหารหน้าท้องด้วย ไม่อย่างงั้นเล่นให้ตายก็ไม่ดูกระชับขึ้นแน่นอน วันนี้เราจึงได้นำวิธีลดพุงที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ มาฝากกันคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/kerdkanno-1334070/

1. งดแป้ง ไขมัน และน้ำตาล
ลดการบริโภคหวาน เนื่องจากปัจจุบันคนไทยบริโภคน้ำตาล ในปริมาณสูงมากสุดถึง 20 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งเกินมาตรฐานของกรมอนามัยโลกที่กำหนดไว้ ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ทั้งนี้ควรงดอาหารทอดกรอบและขนมขบเคี้ยวด้วย เพราะเปรียบเสมือนเป็นแหล่งไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันที่จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และยังมีผลในการลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีอีกด้วย ซึ่งส่งผลทำให้พุงยื่นและเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อที่เรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคความดัน โรคหลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ

2. เลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และดีต่อสุขภาพ
ควรเลือกรับประทานอาหารที่สด สะอาด ผ่านการแปรรูปและฟอกสีน้อยที่สุด โดยเน้นอาหารจำพวกผักและผลไม้ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เนื่องจากการนอนราบทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและคุณภาพการนอนที่ลดลง สำหรับอาหารที่อาจช่วยลดพุงได้ ได้แก่ ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ เชอร์รี่ และองุ่น ชาเขียว พืชตระกูลถั่ว มันฝรั่ง กล้วย ข้าวโพด นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน เป็นต้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/silviarita-3142410/

3. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายหมุนเวียนโลหิตและเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น ผู้ที่ต้องการลดหน้าท้องควรออกกำลังกายระดับปานกลาง ซึ่งหมายถึงการทำกิจกรรมออกแรงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ วันละประมาณ 30 นาที เช่น เล่นเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยเน้นเล่นแบบใส่น้ำหนัก และลดการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ก็จะช่วยลดพุงที่มีไขมันสะสมได้แล้ว

4. ดื่มน้ำเยอะๆ
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายให้ลดลงได้ และถ้าดื่มก่อนมื้ออาหาร 1 ชม. ก็จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ด้วย อีกทั้งช่วยในการย่อยอาหาร ให้ระบบย่อยอาหารทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ แถมยังช่วยป้องกันโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย ทั้งนี้ควรเลี่ยงหรืองดน้ำอัดลมน้ำหวานร่วมด้วย เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมอย่างน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/free-photos-242387/

5. เลี่ยงหรืองดแอลกอฮอล์
แม้แอลกอฮอล์จะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล แต่ก็ช่วยทำให้พุงยื่นได้เหมือนกัน เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง อีกทั้งร่างกายยังเลือกเปลี่ยนแอลกอฮอล์ ให้กลายเป็นพลังงานไปใช้ก่อนสลายไขมัน ทำให้กรดไขมันที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานเกิดการสะสมในร่างกาย ฉะนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงหรืองดการบริโภคแอลกอฮอล์ และวางแผนลดไขมันส่วนเกินด้วยการเปลี่ยนแปลงนิสัยการดื่ม และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแคลอรี่ที่ได้รับจากแอลกอฮอล์

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/katniss12-14023974/

6. นอนให้เร็วขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากการนอนไม่เพียงพอและอาการอ่อนเพลีย อาจส่งผลให้รับประทานอาหารว่างหรืออาหารระหว่างมื้อมากขึ้น แต่หากได้นอนหลับสนิทในเวลาที่เพียงพอ ฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตจะยิ่งหลั่งออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยให้มีการสร้างโปรตีนมากขึ้น และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อทำให้ไขมันที่สะสมในร่างกายลดลง รวมถึงหากได้บริหารร่างกายเบาๆ ก่อนเข้านอน จะยิ่งช่วยให้หลับได้ง่ายและลึกขึ้น

รู้วิธีลดพุงจาก DooDiDo แบนี้ไปแล้ว เราขอแนะนำว่าวิธีลดพุงอันดับแรกที่ควรปฏิบัติเลย ก็คือเปลี่ยนเวลานอนให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารกับระบบเผาผลาญพลังงานได้ดี พยายามผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่หันมาใช้วิธีเดินไกลหรือฝึกโยคะ ลดการดื่มกาแฟ จากนั้นรับประทานผักใบเขียวและธัญพืชเพื่อให้ได้รับใยอาหารอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เป็นการแก้ปัญหาระบบการย่อยอาหารที่ก่อให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูกอีกด้วยคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.facebook.com/NarahShop