ต้องลอง”น้ำมัลเบอร์รี่” เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แถมประโยชน์เยอะ!!

WM

“น้ำมัลเบอร์รี่” มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันหวัดและโรคภูมิแพ้ได้

หากพูดถึงผลไม้ในบ้านเราก็มีหลากหลายชนิดมากจริงๆ หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยทาน “ลูกหม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ทานเพลินมากๆ ให้สีชมพูอมม่วงสวย น่านำมาทำขนมสุดๆ ต้นหม่อนที่นิยมเลี้ยงไหมเพื่อนำเส้นไหมมาทำเป็นผ้าจึงมีการปลูกต้นหม่อน หรือที่เรียกว่า มัลเบอร์รี ไว้ตามบ้านอยู่เป็นจำนวนมาก ลูกหม่อนที่เรารู้จักกันสามารถนำมาทำน้ำลูกหม่อนที่มีรสชาติลงตัว อร่อยแถมให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย

มัลเบอร์รี่มีสาร Anthocyanins ในปริมาณมาก ทั้งยังมีสาร Quercetin และสาร Kaempferol ซึ่งสารเหล่านี้ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยชะลอความแก่, ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน, ต่อต้านอาการขาดเลือดในสมอง, ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง, ยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง และลดอาการแพ้ต่างๆ
วัตถุดิบในการทำน้ำลูกหม่อน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/begonvilliev-14385169/

มัลเบอร์รี่ เรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ลูกหม่อน เพื่อนๆเริ่มจะคุ้นๆขึ้นกันหรือยังคะ หม่อนที่เราเคยเรียนกันว่าปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนั่นแหละค่ะ มัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น กรดโฟลิก ซึ่งพบว่าทารกที่เกิดจากมารดาที่ขาดกรดโฟลิก มีความเสี่ยงที่จะพิการทางสมองและประสาท ไขสันหลัง นอกจากนั้นยังพบสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไชยานิน เควอซิติน ที่มีส่วนลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ตำรับยาโบราณมีการใช้ผลหม่อนต้มบริโภคทั้งเนื้อและน้ำแก้โรคไขข้ออักเสบ ท้องผูก โลหิตจาง และขับเสมหะ ด้วยความที่เจ้ามัลเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายจึงมีส่วนช่วยในการ เพิ่มการทำงาน และลดการอักเสบของหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคทางระบบประสาทและสมอง

วิธีการทาน สามารถทานได้ทั้งผลสด และ แปรรูปเป็นเครื่องดื่มและแยมได้ เพราะผลที่ยังไม่สุดจัดจะมีสีแดง มีรสเปรี้ยว แต่เมื่อสุกจัดจะมีสีม่วงออกไปทางดำจะมีรสหวานชุ่มคอดีค่ะ ให้พลังงานต่ำ เพียง 43 kcal ต่อ 100 กรัมแถมได้ประโยชน์มากมายอีกด้วย
ตอนนี้เห็นมีวางขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เช่น Tops The Mall และ ร้านโครงการหลวงค่ะ สนนราคา 1 กล่อง 59 บาท จะทานสดแก้ง่วงยามบ่าย หรือทานคู่กับโยเกิร์ต ก็อร่อยดีค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/janaprusova-1388839/

มีผลงานวิจัยหลายสถาบันในประเทศไทย มหาวิทยยาลัยทางการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตและงานวิจัยหลายประเทศ ดังนี้

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ชื่อ Anthyocyanin ซึ่งเป็นสารสีม่วงแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง
  • มีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเลือด ตับ ไต ลดการเกิดสิว ลดอาการปวดประจำเดือน
  • ป้องกันและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดแตก สาเหตุของโรคอัมพฤก อัมพาต
  • มีวิตามินซี สูง ช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคปอด วัณโรค ป้องกันเชื้อไวรัส
  • มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก (ป้องกันแสงสีน้ำเงินเข้าทำลายเลนส์ตา) บำรุงเหงือกและฟัน สร้างภูมิให้ระบบหายใจ
  • บำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว
  • มีกรดโฟลิค หรือวิตามินใบไม้ หรือวิตามินเอ็ม ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันทารกพิการ ช่วยการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หญิงแรกตั้งครรภ์เดือนแรกต้องการกรดโฟลิค
  • ช่วยแก้อาการเมาค้าง ผ่อนคลายความเครียด
  • ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย

    WM
    ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/patt-196281/

ส่วนผสม
1. ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี 200 – 500 กรัม
2. น้ำตาล 200 กรัม
3. เกลือ 1 หยิบมือ
4. น้ำ 1,500 มิลลิลิตร (ไม่มีที่ตวงให้ใช้ขวดน้ำขนาด 1,500 แทนได้)

ขั้นตอนวิธีทำ
1. เทน้ำใส่หม้อแล้วนำไปตั้งไฟ และนำลูกหม่อนลงไปต้มด้วย
2. รอจนน้ำเดือดลูกหม่อนจะค่อย ๆ ออกสี ให้เติมน้ำตาลลงไป 150 กรัม พร้อมเกลือเล็กน้อย
3. เมื่อลูกหม่อนเปื่อยจนหมดให้ชิมรสว่าได้ตามที่ต้องการหรือยัง หากยังให้ใส่น้ำตาลและเกลือที่เหลือลงไป
4. พักให้เย็น แล้วกรองเอากากออก ตักเสิร์ฟได้เลย จะเสิร์ฟแบบเย็นใส่น้ำแข็ง หรือแบบธรรมดาก็อร่อยไม่แพ้กัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/boykat-4226146/

เคล็ดลับเพิ่มความอร่อย
1. ให้ใช้ลูกหม่อนที่สุกสีม่วง และลูกหม่อนที่กำลังจะสุกสีแดงๆ ผสมกันจะทำให้มีรสชาติออกหวานและมีรสสัมผัสความเปรี้ยวนิดหน่อย เมื่อรวมกับน้ำตาลและได้เกลือมาตัดความหวานแล้วจะได้รสชาติที่พอดี
2. สูตรนี้ไม่ต้องปั่นลูกหม่อนก่อนต้ม เพราะเวลาเราต้มน้ำลูกหม่อนตะออกมาเองและเปื่อยจนหมดโดยเฉพาะลูกที่สุกแล้ว จะเหลือเพียงลูกแดง ๆ ให้นำมาคั้นเอาน้ำออก
3. ให้ทะยอยใส่น้ำตาลและเกลือ โดยรอบแรกใส่น้ำตาล 150 กรัม และเกลือเล็กน้อย เมื่อเริ่มออกสีและเปื่อย ให้ค่อยๆ เติมน้ำตาลและเกลือที่เหลือจะทำให้ได้รสชาติที่พอดี

หากกินมัลเบอร์รี่อย่างสม่ำเสมอ น่าจะมีส่วนช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้ มัลเบอร์รี่มีกรดโฟลิกสูง ซึ่งกรดโฟลิกนั้นสามารถช่วยทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเจริญได้เต็มที่ ทำให้เซลล์ประสาทไขสันหลังและเซลล์สมองเจริญเป็นปกติ และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยบำรุงเลือดในช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือนได้อีกด้วย DooDiDo แนะนำเลยค่ะว่าต้องรีบหามาทานกันดูนะค่ะ ผลไม้จิ๋วแต่คุณประโยชน์เยอะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://food.trueid.net, www.lovefitt.com