ตัวช่วย 6 วิธี เพื่อลดไขมันหน้าท้องสำหรับสาวๆ ที่มีพุง

SA Game

สาวๆ มีพุงมาทางนี้ 6 วิธีที่จะช่วยกำจัดห่วงยางหน้าท้องออกไป

ห่วงยางรอบเอว หรือไขมันหน้าท้อง ปัญหาใหญ่ที่ทำให้สาวๆ เกือบทุกคนขาดความมั่นใจ จะแต่งชุดไหนก็พลอยทำให้ลำบากในการเลือกเสื้อผ้ามาสวมใส่เพื่อช่วยพลางส่วนเกินของหน้าท้องที่ยื่นออกมา หลายคนยังเข้าใจว่าต้องโหมเล่นท่าออกกำลังกายบริหารหน้าท้อง เพื่อกำจัดไขมันหน้าท้องหรือห่วงยางออกไป แต่ขอบอกเลยค่ะว่ามันอาจจะไม่ได้ผลตามที่คาดไว้

ก่อนที่สาวๆ จะท้อและเครียดไปกันใหญ่ เรามาดูวิธีลดไขมันหน้าท้องกันค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีไขมันหน้าท้องเยอะเกินไป ง่ายๆค่ะเราสามารถนำสายวัดมาวัดได้ด้วยตัวเองที่บ้านเลย สำหรับผู้หญิงถ้ารอบเอวเกิน 88 เซนติเมตร จะถือว่าอ้วนมากถึงขั้นอันตรายแล้วนะคะ และสำหรับสาวๆที่ภายนอกดูผอม แต่มีห่วงยาางรอบเอว  ถึงแม้ว่าน้ำหนักเราจะไม่เยอะ แต่ถ้าเรามีไขมันที่พุงมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็อาจจะมีระดับคอเลสเตอรอลที่สูง และมีไขมันหน้าท้องที่เยอะ ซึ่งทำให้เสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังได้เหมือนกัน

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: www.thaihealth.or.th

1. ลดน้ำตาล และงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงๆ

อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล จะไม่ทำให้เราอิ่ม กินได้เยอะ และมีผลทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น นักวิจัยพบว่า เมื่อเรากินอาหารขยะ เช่น ขนม และอาหารแปรรูป เข้าไป น้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับทำงานหนักมากขึ้น เพื่อเร่งเก็บพลังงานที่เกิน ไปเป็นไขมัน ดังนั้น ถ้าสาวๆ อยากลดไขมันหน้าท้อง อยากกำจัดห่วงยางรอบเอว ก้าวแรก คือ เราต้องตัดอาหารที่มีน้ำตาลสูงๆ โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลมทุกชนิด และน้ำผลไม้ ค่ะ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://shopee.co.th

2. กินโปรตีนให้มากขึ้น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ และเผาผลาญไขมัน

ในการลดไขมันหน้าท้อง และลดไขมันในร่างกาย โปรตีน คือ สารอาหารที่สำคัญที่สุดค่ะ งานวิจัยพบว่า อาหารโปรตีนสูง สามารถลดความอยากอาหารลงได้ถึง 60% ซึ่งอาจจะช่วยให้เรากินน้อยลง ได้มากถึงวันละ 441 แคลอรี่ ดังนั้นอยากแนะนำให้สาวๆ กินโปรตีนให้ได้ประมาณ 25-30% ของปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับต่อวัน หรือจะกินให้ได้ประมาณ 1.5-2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมค่ะ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ritae-19628/

3. กินคาร์โบไฮเดรตน้อยลง

สิ่งที่งานวิจัยพบ คือ เมื่อเพื่อนๆลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อวันลง คือ จะรู้สึกไม่ค่อยหิวอาหาร อิ่มท้องนานขึ้น ร่างกายไม่บวมน้ำ และน้ำหนักค่อยๆลดลง อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ งานวิจัยกว่า 20 ชิ้นยังพบว่า การลดไขมันแบบ Low-carb Diet ได้ผลมากกว่าแบบ Low-fat Diet มากถึง 2-3 เท่า ดังนั้น ส่วนหนึ่งของไขมันที่หายไป จะมาจากไขมันหน้าท้อง และจากร่างกายส่วนอื่นๆด้วยครับ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/shutterbug75-2077322/

4. กินเส้นใยอาหารมากขึ้น

ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหาร คือ หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการลดไขมันหน้าท้อง นักวิจัยพบว่า เส้นใยอาหารชนิดละลายในน้ำ (Soluble Fiber) ที่จะเข้าไปรวมตัวกับน้ำในร่างกายจนเป็นเจล คือ ชนิดที่เราต้องกินเพื่อลดไขมัน เส้นใยอาหารชนิดละลายในน้ำ จะช่วยชะลอการย่อยอาหาร และการดูดซึมอาหารเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เรารู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น และร่างากายก็สะสมไขมันที่หน้าท้องน้อยลงด้วยค่ะ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/

5. ออกกำลังกายมากขึ้น 5-6 วันต่อสัปดาห์

เมื่อควบคุมอาหารได้แล้ว เราต้องมาบริหารเวลาเพื่อออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกาย จะช่วยลดไขมันในช่องท้อง และจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังค่ะ ซึ่งการออกกำลังกายในการลดไขมันหน้าท้อง คือ การออกกำลังกายทั่วร่างกายนะครับ ไม่ใช่การออกกำลังกายแค่ส่วนของหน้าท้อง เช่น ทำท่า Plank ทุกวัน เพราะการลดไขมันเฉพาะจุดไม่มีอยู่จริง

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/engin_akyurt-3656355/

6. บันทึกอาหารทุกอย่างที่กิน

เพื่อนๆทุกคนรู้ดีอยู่แล้วค่ะว่า ชนิดของอาหารและปริมาณแคลอรี่ต่อวัน คือ ปัจจัยสำคัญในการลดไขมัน แต่ส่วนใหญ่เราจะกะปริมาณผิดกัน ไม่กินน้อยไปก็เยอะเกินไป การบันทึกอาหารที่กินในแต่ละวัน ไม่ได้แปลว่าเพื่อนๆต้องชั่งอาหารทุกอย่างที่กินนะครับ แต่เราอาจจะถ่ายรูปเก็บไว้ หรือบางทีอาจจะบันทึกว่ากินอะไรไป้าง เพื่อย้อนกลับมาดู การวางแผนอาหารในแต่ละวันก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเป็นไปได้เพื่อนๆควรวางแผนเมนูอาหารไว้เลย 3 วันล่วงหน้า เช่น เราอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการกำหนดแหล่งโปรตีน เช่น เนื้อปลา ว่าจะกินวันไหน ปริมาณเท่าไหร่ เป็นต้น

และนี่ก็คือ 6 วิธีที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณสาวๆ ได้บอกลาห่วงยางรอบเอว DooDiDo ขอแนะนำให้ทำวิธีเหล่านี้เป็นประจำนะคะ หากสาวๆ ไม่อยากมีพุงปลิ้นล่ะก็ ควรรีบกำจัดไขมันหน้าท้องอย่างถูกวิธี เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการลดน้ำตาล กินโปรตีนให้มากขึ้น เพิ่มผักและผลไม้ และออกกำลังกายบ่อยขึ้นค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.fitterminal.com/6-