คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการดิ้นของเบบี๋ระหว่างตั้งครรภ์!!

WM

คุณแม่ควรรู้ การดิ้นเบบี๋ระหว่างตั้งครรภ์ บ่งบอกถึงอะไร

สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก ควรจะต้องเรียนรู้และศึกษาข้อมูลระหว่างการตั้งครรภ์ให้ละเอียดมากๆ อย่างเช่น การดิ้นเบบี๋ระหว่างตั้งครรภ์ บ่งบอกถึงอะไร คุณแม่หลายคนอาจจะกำลังตื่นเต้นถึงปฏิกิริยาของลูกในท้องที่ดิ้น ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์เรายังไม่สามารถรับรู้ถึงแรงดิ้นของลูกภายในครรภ์ได้เนื่องจากขนาดตัวของลูกยังเล็กอยู่สามารถเคลื่อนที่ในท้องได้โดยไม่ชนกับท้อง แต่เมื่ออายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น ขนาดตัวของเจ้า เบบี๋จะมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ตัวมีขนาดให้เต็มพื้นที่ว่างภายในท้องของคุณแม่ เวลาที่ลูกขยับตัวจะทำให้คุณแม่รับรู้ถึงการดิ้นของลูกได้ แน่นอนว่าเมื่อคุณแม่รับรู้ถึงการดิ้นทำให้คนเป็นแม่รู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่การดิ้นของลูกในครรภ์แต่ละคนแต่ต่างกันไป  แต่หากเมื่อไหร่ที่เจ้าเบบี๋มีอาการดิ้นแรงมากอยู่ระยะหนึ่งแล้วหยุดไปไม่แสดงอาการดิ้นอาจจเกิดความผิดปกติได้ อย่ารอช้าไปดูสาระความรู้ การดิ้นของลูกให้เรานำมาฝากคุณแม่กันเลยค่า

การดิ้นของทารก ไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณให้คุณแม่และครอบครัวรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพของทารกด้วย คุณแม่จึงควรจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงไว้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@camylla93

หากลูกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง อาจเป็นสัญญาณว่าลูกน้อยกำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะใกล้ครบกำหนดคลอดแต่ลูกยังดิ้นน้อยอยู่ หรือดิ้นห่างลงไปเรื่อยๆ หรือหยุดดิ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูก

ทารกในครรภ์ดิ้นเป็นการเคลื่อนไหวและอากัปกิริยาต่างๆของทารกที่อยู่ในครรภ์ คุณแม่สามารถรู้สึกได้จากการขยับเขยื้อนในร่างกาย สัญญาณความเปลี่ยนแปลงจากการเจริญเติบโตเป็นเรื่องที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญ และคอยสังเกตความผิดปกติ เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์

อาการ
คุณแม่ตั้งครรภ์จะเริ่มรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในช่วงสัปดาห์ที่ 16-20 ของการตั้งครรภ์ บางรายก็รู้สึกเหมือนเส้นประสาทกระตุกเบาๆ โดยการขยับตัวของทารกจะมีการเตะ ต่อย การพลิกตัวและม้วนตัว โดยการดิ้นของเด็กจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงสัปดาห์ที่ 32 จากนั้นจะคงที่ การเคลื่อนไหวของทารกอาจเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงใกล้วันครบกำหนดคลอด

ในช่วงแรกอายุครรภ์ 1-3 เดือน ทารกในครรภ์จะขยับตัวเพียงเล็กน้อยและไม่บ่อย เมื่อคุณแม่เข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือน ทารกจะมีการขยับตัวมากขึ้นจนทำให้สามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกได้อย่างชัดเจนและบ่อยมากขึ้น และช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน ทารกอาจมีการขยับตัวถึง 30 ครั้งต่อชั่วโมง

ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@xmegatronnn

ลูกดิ้นมาก
โดยส่วนใหญ่ลูกดิ้นมากจะไม่ถือว่าผิดปกติ เพราะลูกจะมีช่วงตื่นช่วงหลับ ในช่วงที่ตื่นก็อาจจะรู้สึกว่าดิ้นมาก ซึ่งจะไม่เป็นอันตราย แต่จะมีข้อยกเว้นบางกรณีหรือมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถือว่าผิดปกติ ซึ่งการดิ้นที่ผิดปกตินี้จะมีลักษณะอาการที่ต่างไปจากการดิ้นธรรมดา โดยอาการลูกดิ้นมากที่แสดงถึงสัญญาณอันตรายก็คือ ลูกดิ้นแรงมากอยู่ระยะหนึ่งแล้วหยุดดิ้นไปเลย และไม่มีอาการดิ้นอีกต่อไป ควรรีบพบแพทย์ทันที

ลูกดิ้นน้อย
ถ้าลูกดิ้นน้อยลง ให้ลองนับจำนวนการดิ้นของทารกที่รู้สึกได้ ซึ่งไม่ควรต่ำกว่า 10 ครั้ง ต่อเวลา 2 ชั่วโมง หากน้อยกว่านี้ควรลองนับใหม่อีกครั้งหนึ่งในวันเดียวกัน และถ้ายังไม่ถึง 10 ครั้งอีกก็ควรปรึกษาแพทย์

เหตุที่ทารกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อย เกิดจากอะไร
การที่ทารกมีการขยับตัวจะเป็นสัญญาณถึงพัฒนาการของเด็ก แต่ผู้ที่พบว่าตัวเองไม่รู้สึกถึงการขยับตัวของทารก หรือทารกไม่ดิ้นเลยอาจเป็นสาเหตุมาจากทารกในครรภ์กำลังหลับ ช่วงเวลาที่หลับจะเป็นช่วงที่มีการขยับตัวน้อยที่สุด หรือเป็นเพราะทารกตัวใหญ่จนขยับตัวได้ยาก ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ 32 เป็นต้นไป ทารกจะมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่มดลูกยังขนาดเท่าเดิม ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สามารถขยับตัวได้เหมือนการตั้งครรภ์ช่วงแรกๆนั่นเอง

เมื่อคุณแม่กระตุ้นให้ทารกเกิดการตอบสนองด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การรับประทานของว่าง ดื่มน้ำเย็น ดื่มเครื่องดื่มหวานๆ ขยับร่างกาย เปิดเพลงเสียงดังแล้วเด็กยังไม่ตอบสนอง อาจแสดงถึงความผิดปกติกับการตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของทารก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@moreno303

การตรวจสุขภาพของครรภ์และทารก

– การตรวจอัลตราซาวด์ (Fetal Ultrasound)
จะเป็นการใช้การส่งคลื่นเสียงไปสะท้อนเพื่อให้กลับมาเป็นรูปภาพ ภาพที่ได้จะแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของเด็กในครรภ์ อัตราการเต้นของหัวใจ และท่าทางของเด็ก
– การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ (Nonstress Test)
คือการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารก โดยการนำแผ่นเหล็กขนาดเล็กที่ทาเจลวางลงบนท้อง จากนั้นใช้เข็มขัดคาดไว้ เพื่อไม่ให้แผ่นเหล็กขยับไปจากที่เดิม
– การตรวจวัดความเร็วของเลือดในหลอดเลือดทารกในครรภ์ (Fetal Doppler Velocimetry)
จะเป็นการคล้ายกับวิธีการตรวจสุขภาพทารก แต่จะมีการใช้คลื่นเสียงร่วมด้วยเพื่อตรวจการไหลเวียนของเลือดภายในรกและสายสะดือ ซึ่งจะช่วยให้ทราบอัตราการเต้นของหัวใจทารก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระความรู้ดีที่เรา DooDiDo ได้นำมาฝากให้กับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ กับเรื่อง คุณแม่ควรรู้ การดิ้นเบบี๋ระหว่างตั้งครรภ์ บ่งบอกถึงอะไร การนับการดิ้นของลูกทำให้หัวอกคนเป็นแม่ใจฟูมาก แต่ก็ควรระวังหากเมื่อไหร่ที่ลูกในท้องดิ้นแรงมากจนทำให้รู้รู้สึกเจ็บ และหลังจากนั้นลูกไม่มีการดิ้นต่อ คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะจำนวนการดิ้นของลูกในท้องที่น้อยลงหรือหยุดไปซะดื้อๆ มักเป็นผลกระทบจากการที่คุณแม่มีโรคหรือมีความผิดปกติร้ายแรงแฝงอยู่ก็ได้นค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.bpksamutprakan.com