คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ 5 สิ่งนี้ที่อาจทำให้ลูกเสียใจแบบไม่รู้ตัวได้

WM

วิธีการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่มีความสุขเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพจิตใจที่เข้มแข็งมีความสุข

ในปัจจุบันนี้คุณพ่อ คุณแม่เองก็ต้อง work from home และด้วยสถานะการณ์แบบนี้ ในบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเหนื่อยจากงาน มีความเครียดบ้าง แต่เราเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกของเรามีชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จในชีวิตของพวกเขาด้วยกันทั้งสิ้น พ่อแม่หลายคน พยายามทำงานหาเงินส่งให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนดี ๆ ในบางครั้งด้วยสถานการณ์บังคับจึงมีบางคำพูดที่อาจกระทบกับจิตใจของลูกๆ ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ ต้องตระหนัก คือการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่มีความสุขเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพจิตใจที่เข้มแข็งมีความสุข

การเป็นพ่อแม่ของคนหนึ่งคนเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับชีวิตมนุษย์เพราะเรากำลังหล่อหลอมคน ๆ หนึ่งที่เขาจะสามารถส่งต่อความสุข ทัศนคติที่ดี รวมไปถึงสร้างประโยชน์ได้อย่างมากมายให้กับสังคมทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูของเรา การเลี้ยงดูและสายสัมพันธ์ระหว่างเราและลูก เป็นสิ่งที่สร้างแบบแผนของชีวิตของลูกเราในอนาคต ถ้าเราให้ความรัก ความอบอุ่น สอนให้เขาสามารถเข้าใจ และ จัดการอารมณ์ของตัวเองได้อย่างเหมาะสม รู้ว่าตัวเองเป็นที่รักและมีคุณค่า เขาก็จะรู้จักความรัก การเอาใจใส่ และ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ รวมถึง มีความรักและเคารพในตัวเอง เลือกสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตของเขา

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/

1. เผลอเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น

เพราะการเปรียบเทียบ จะเป็นการสร้างความรู้สึกด้อยให้เกิดขึ้นในชีวิตของลูก ๆ ซึ่งเป็น อันตรายต่อการพัฒนาบุคลิกภาพของ เด็กอย่างมาก ถึงแม้การพูดในลักษณะนี้จะเป็นการที่ อยากจะให้ลูกได้พยายาม ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น

แต่ก็อาจทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่า และ มองว่าไม่เก่งเท่าคนอื่น ๆ อาจจะเลิกพยายามทำหรือยอมแพ้ หรืออีกมุมหนึ่งคือ เด็กอาจเกิดความคิดหาทางกลั่นแกล้ง ทำลาย คู่แข่งคนอื่นๆ ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเข้าใจว่า พื้นฐานของเด็กแต่ละคนนั้นตลอดจนความสามารถนั้นแตกต่างกัน ควรจะมองและชื่นชมลูกในสิ่งที่เขาสามารถทำได้ และถนัดมากกว่าการใช้คำพูดเพื่อ ทำ ล า ย ความรู้สึกของลูก ๆ ด้วยการเปรียบเทียบ หรือเพื่อต้องการให้ลูกเก่งกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในทุกด้าน

2. เผลอต่อว่าลูกต่อหน้าคนอื่น การดุด่าว่ากล่าวลูกต่อหน้าคนอื่น

ถือเป็นการ ทำร้ายจิตใจลูกอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่ต้องคิดเสมอว่า เด็ก ๆ ก็มีความรู้สึกอาย และ เสียหน้าเป็น ดังนั้นหากลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ควรค่อย ๆ พูดกับลูกในระดับที่เสมอกัน ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเป็นมิตร ซึ่งไม่ควรเผลอที่จะตะคอก หรือโดยวายลูกต่อหน้าคนอื่นหรือที่สาธารณะนะคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/iqbalnuril-12845379/

3. เผลอบอกว่า “ไม่รัก” แล้ว

จริง ๆ แล้วไม่มี คุณพ่อ คุณแม่ คนไหนที่ไม่รักลูก แต่ก็ไม่ควรนำความรักมาใช้เป็นเงื่อนไข ต่อรองกับลูก ซึ่งการพูดไม่รักบ่อย ๆ เป็นการบั่นทอนความมั่นคงทางอารมณ์ และ จิตใจของลูกอย่างมาก พ่อแม่บางคนอาจบอกว่าไม่รักเพื่อให้ลูกเชื่อฟัง

แต่หารู้ไม่ว่าวิธีนี้อาจทำให้เด็กรู้สึกคิดจริงจังก็ได้ว่า พ่อแม่ไม่รักจริง ๆ และรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด อาจจะไม่ทำตามในสิ่งที่พ่อแม่บอกแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะทำดีหรือเชื่อฟังเมื่อพ่อแม่ไม่รัก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กมาก ดังนั้น หากคุณจะตำหนิลูกที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ควรว่ากล่าวด้วยเหตุผลมากกว่าการบอกว่า “ถ้าทำตัวแบบนี้พ่อแม่ไม่รักนะ” ดีกว่าค่ะ

4. เผลอเพิกเฉย ไม่สนใจ

การแสดงความไม่สนใจต่อลูกนั้น ในกรณีที่ คุณพ่อ คุณแม่ ตั้งใจแสดงออกให้ลูกเห็นว่าการเรียกร้อง แสดงความสนใจเพื่อที่จะให้พ่อแม่ตามใจ เช่น การร้องไห้ชักดิ้นชักงอ หรือการเดินหนีออกจากพ่อแม่นั้นไม่ได้ผล

วิธีนี้ถือเป็นการช่วยฝึกวินัยของลูกให้เรียนรู้ว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่สามารถเรียกร้อง ความสนใจจากพ่อแม่ได้ และ ลูกก็จะไม่ทำอีก แต่กลับกัน หากพ่อแม่เอาแต่สนใจอย่างอื่น โดยที่ไม่สนใจลูก เพิกเฉยต่อการที่ลูกจะเข้ามาเล่นด้วยหรืออวดสิ่งของที่ลูกได้ทำเอง ถือเป็นการทำร้าย ต่อจิตใจลูกมากนะคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/pexels-2286921/

5. เผลอ ข่ ม ขู่ หรือทำให้กลัว

เด็ก ๆ มักจะกลัวเสียงดุ จากคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว เนื่องจากลูกยังไม่สามารถเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีเกือบทั้งหมด การเรียนรู้ครั้งแรกหรือการทำผิดพลาดอาจทำให้ลูกเกิดความไม่กล้าในครั้งต่อไป หากพ่อแม่ใช้วิธีการขู่มาเป็นข้อห้าม หรือ หลอกเพื่อไม่ให้ลูกได้ทำสิ่งต่าง ๆ

เช่น “ออกไปนอกบ้าน ระวังตำรวจจับนะ” หรือ “ถ้าซนมากๆ เดี๋ยวตุ๊กแกกินตับนะ” การขู่ในลักษณะแบบนี้ หากทำบ่อย ๆ ลูกจะซึบซับและจะกลายเป็นการกลัวฝังใจ กลัวแม้กระทั่งเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้กลัว

ซึ่งความกลัวเหล่านี้จะเป็นสาเหตุ ให้เด็กเก็บไปฝัน และนอนผวาในตอนกลางคืนได้ ถือเป็นการบั่นทอนสุขภาพของเด็กอย่างมาก สำหรับเด็กแล้ว เรื่องของจิตใจกับความรู้สึกถือ เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ ไม่น้อยกว่าการเอาใจใส่ดูแลสุขภาพร่างกาย เพราะสองอย่างนี้จะเติบโตคู่ไปกับลูก

ดังนั้น DooDiDo คิดว่าพ่อแม่ไม่ควรเผลอกระทำสิ่งเหล่านี้ลงไปให้ลูกรู้สึก แย่หรือไม่ดี เพื่อให้ลูกได้เติบโตมาเป็นเด็กที่มีอารมณ์ดี มีจิตใจมั่นคง และ ร่างกาย ที่แข็งแรงในอนาคตนะคะ บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ หรือ ทำอะไรที่เป็นที่ยอมรับของคนภายนอก เพื่อที่จะบอกเขาว่าเราภูมิใจในตัวเขา เราสามารถชื่นชมสิ่งเล็ก ๆ ที่เขาทำ เช่น ภูมิใจที่เขามีจิตใจที่ดี ดูแลสัตว์เลี้ยงในบ้าน ภูมิใจที่เขารับผิดชอบตัวเองได้ จากการตื่นนอนและเตรียมตัวไปโรงเรียนด้วยตัวเองในตอนเช้า แสดงความภูมิใจในตัวลูกบ่อย ๆ เพื่อให้เขารับรู้ว่าเขาเป็นที่รัก และชื่นชมในสิ่งดี ๆ ที่เขาทำก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://verrysmilejung.com