“คอมบูชา” น้ำชาที่ถูกหมักจนได้รสเปรี้ยวซ่า เต็มไปด้วยคุณประโยชน์

WM

ลองมาดื่ม!! คอมบูฉะน้ำชาหมัก เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกันคะ

อาจจะมีหลายๆ คนที่ไม่รู้จักเจ้าชาคอมบูชา เครื่องดื่มประโยชน์สุดปังจากจุลินทรีย์ ได้รับความนิยมมาสักพักแล้ว สำหรับ”คอมบูชา” (Kombucha) เพราะวิธีการเตรียมน่าตื่นเต้น แปลกใหม่ คล้าย ว่าเราจะได้จำลองตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์กันเลย แถมประโยชน์ของคอมบูชายังโดนใจสายรักสุขภาพเต็ม ๆ เราก็เลยไม่ลืมที่จะหยิบเครื่องดื่มแสนมีประโยชน์ตัวนี้มาฝากสาว ๆ ของเรากันค่ะ

สำหรับคอมบูชา (Kombucha) หรือคอมบูฉะ คือ น้ำชาที่ถูกนำมาหมักจนได้รสเปรี้ยวซ่า อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ประวัติของเค้าก็ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ คอมบูชา เป็นน้ำชาหมักที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ย้อนกลับไปในสมัยของราชวงศ์ฉิน เค้าว่ากันว่า ‘จิ๋นซี ฮ่องเต้’ เป็นคนแรกที่ทำเครื่องดื่มชนิดนี้ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@to_metz

สาว ๆ หลายคนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่า ทำไม ‘คอมบูชา’ ชื่อญี่ปุ่นจ๋าขนาดนี้?
คอมบูชาของเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาหร่ายคอมบุ (Kombu) สาหร่ายที่เอามาทำเป็นซุปของญี่ปุ่นหรอกนะคะ แต่เค้ามีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า คุณหมอชาวเกาหลีท่านหนึ่ง ได้ถวายคอมบูชาในการรักษาอาการประชวรของจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Inyoko และเมื่อตรวจสอบชื่อของคุณหมอในพงศาวดารญี่ปุ่น ก็พบชื่อ ‘Komu-ha’ หรือ ‘Kon Mu’ ชาวญี่ปุ่นเลยอาจจะเรียกชาตัวนี้ด้วยชื่อของคุณหมอ จนผิดเพี้ยนกลายมาเป็น คอมบูชา (Kombucha) ก็เป็นได้

ประโยชน์ของคอมบูชา (Kombucha)

ต้องบอกสาว ๆ ก่อนว่า ถ้าเห็นคอมบูชาในห้างสรรพสินค้าที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์มา อย่าซื้อกลับบ้านเชียว! คอมบูชา จะต้องไม่ผ่านระบบการพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) กระบวนการถนอมอาหาร ที่ต้องใช้ความร้อนเพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์ เพราะว่าประโยชน์ของคอมบูชาก็มาจากจุลินทรีย์เหล่านี้ ถ้าพาสเจอร์ไรซ์มา จุลินทรีย์ก็ตายเรียบ การดื่มคอมบูชาก็จะไร้ความหมายไปเลย เมื่อเข้าใจแล้ว เรามาเจาะประโยชน์ของคอมบูชากัน!

  • เติมจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียกับยีสต์ที่ดี นั่นคือโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ให้ร่างกาย
  • คอมบูชาช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้ระบบนิเวศของจุลินทรีย์ในลำไส้เกิดความสมดุล การมีจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้มาก ยิ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้น
  • มีกรดแลคติก (Lactic Acid) ช่วยในการย่อยอาหาร
  • มีกรดอะมิโน (Amino Acid) และกรดนิวคลีอิก (Nucleic Acid) ทำให้ คอมบูชา ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมเซลล์กับเนื้อเยื่อในร่างกาย
  • มีกรดกลูคูโรนิก (Glucuronic Acid) และสาร DSL (D-saccharic acid-1, 4-lactone) ช่วยส่งเสริมให้ตับขับสารพิษ และสารก่อมะเร็งได้
  • ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน เพราะ คอมบูชา มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง ซึ่งจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  • คอมบูชาออกฤทธิ์กำจัดแบคทีเรีย มีกรดน้ำส้มหรือกรดอะซิติกเป็นส่วนประกอบหลัก มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • ยับยั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อแคนดิดาซึ่งเป็นยีสต์ชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อคน
  • คอมบูชาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยป้องกัน หรือยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากอนุมูลอิสระอย่างสารโพลีฟีนอล (Polyphenol)
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@curryandlove

โทษของคอมบูชา (Kombucha)
ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แต่ถ้าเตรียมไม่ถูกวิธี หรือกินอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ Helena รวบรวมข้อควรระวัง และโทษของคอมบูชา มาให้สาว ๆ ได้พิจารณาก่อนที่จะเริ่มดื่มคอมบูชากันแล้วค่ะ

  • หากดื่มเป็นครั้งแรก ควรเริ่มจากการดื่มในปริมาณน้อย แล้วสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายก่อนจะดื่มต่อ
  • กระบวนการหมักที่ไม่สะอาด อาจทำให้คอมบูชาของเราปนเปื้อนเชื้อโรค
  • เลือกใช้ภาชนะสำหรับการหมักคอมบูชาที่เหมาะสม ไม่ควรใช้ภาชนะเหล็ก หรือเซรามิกเคลือบในการหมักคอมบูชา เพราะอาจทำปฏิกิริยากับกรด และปล่อยสารพิษออกมา แนะนำให้เลือกใช้โหลแก้วจะดีที่สุด ควบคู่ไปกับการใช้ผ้าขาวบางในการปิดฝา แทนฝาสแตนเลส หรือฝาพลาสติก
  • การดื่มชาคอมบูชามากเกินไป หรือดื่มคอมบูชาที่มีการผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร หรือส่งผลต่อตับได้
  • คอมบูชาที่หมักเอง อาจมีรสชาติไม่สม่ำเสมอ ต้องดูแลระยะเวลาการหมักให้เหมาะสม เพราะเวลาหมักที่ไม่พอดีอาจทำให้คอมบูชาเปรี้ยวน้อยไป หรือเปรี้ยวมากเกินไป
  • การหมักคอมบูชาที่ไม่ได้ควบคุมคุณภาพให้ดี อาจทำให้มีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีต่อร่างกายปนผสมอยู่ในคอมบูชาได้
  • สูตรหมักคอมบูชา (Kombucha) ที่ใครก็ทำตามได้!
  • คอมบูชา เป็นชาหมัก อันประกอบด้วยกระบวนการผลิตที่ต้องแบ่ง Batch ส่วนผสมเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนของหัวเชื้อจุลินทรีย์พันธุ์ดี ที่เราเรียกกันว่า ‘SCOBY’ (a Symbiotic Colony of Bacteria and Yeast) และส่วนผสมน้ำชา

ส่วนผสม SCOBY

  • ผลไม้เปรี้ยว 3 กิโลกรัม
  • น้ำตาล 1 กิโลกรัม
  • น้ำไม่เกิน 10 ลิตร

วิธีทำ SCOBY

ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำไปหมักไว้ในที่ร่ม 1–2 เดือน จากนั้นกรองกากออกให้เหลือแต่น้ำ แล้วหมักต่ออีก 3–6 เดือน จะได้วุ้น SCOBY ที่คล้ายก้อนเห็ดลอยอยู่บนผิวน้ำหมัก

ส่วนผสมน้ำชา

  • น้ำชา 4 ลิตร กรองเอาใบชาออก จะใช้ชาดำ หรือชาเขียวก็ได้ ใช้ชาที่เบลนด์ผสมอย่างดีแค่ไหนก็ได้ตามใจชอบ
  • น้ำตาล 1 กิโลกรัม
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@ksousaphotography

วิธีทำน้ำชา

ต้มส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้ให้เย็นตัวลง จากนั้นนำก้อน SCOBY ที่ได้จากส่วนแรกตักมาใส่ในโหลที่เป็นส่วนผสมน้ำชา ไม่ต้องปิดฝาแน่น และอาจใช้ผ้าขาวบางปิดฝาเอาไว้เพื่อกันแสง และฝุ่น นำไปหมักไว้ในที่ร่มอย่างน้อย 7–21 วัน

เจ้า SCOBY จะกินน้ำตาล ผลที่ได้คือ ชาที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู วิตามิน B เอนไซม์ จุลินทรีย์ และกรด คอมบูชาของเราจะมีรสหวานอมเปรี้ยว แต่ถ้าใครไม่ชอบเปรี้ยวมาก ก็อย่าหมักทิ้งไว้นาน เพราะน้ำตาลจะถูกกินไปเรื่อย ๆ นั่นเอง พอหมักจนได้ที่แล้ว สาว ๆ ถึงจะเริ่มนำมาดื่มได้ เมื่อใกล้หมดก็เพียงต้มน้ำชาใหม่ แล้วใส่หัวเชื้อกับน้ำชาอีกนิดหน่อยจากโหลเดิม ก็สามารถหมักต่อเพื่อนำไปดื่มได้เรื่อย ๆ

เราขอแนะนำให้สาว ๆ เลือกวัตถุดิบที่ปลอดสารเคมี และออร์แกนิคเข้าไว้ แม้แต่น้ำตาล อันเป็นส่วนหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญก็ควรเป็นน้ำตาลออร์แกนิค ไม่ขัดสี นอกจากนี้ น้ำที่เหมาะสมสำหรับการทำคอมบูชา ควรจะใส สะอาด ปราศจากกลิ่น ไม่มีตะกอน และไม่มีคลอรีน กระซิบว่าน้ำแร่ก็ไม่เลวเลย แถมยังเพิ่มแร่ธาตุให้คอมบูชาของเราไปอีก

เห็นประโยชน์แน่นๆ แบบนี้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคอมบูชาจะเหมาะกับทุกเพศทุกวัยไปทั้งหมดนะคะ ในปัจจุบันมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับคอมบูชาที่มีต่อคนโดยตรงค่อนข้างจำกัด DooDiDo แนะนำให้สาวๆ ควรระมัดระวังในการดื่มคอมบูชาด้วยนะคะ สำหรับสาวๆ ที่รักสุขภาพ อาจเลือกเป็นเครื่องดื่มเพิ่มเติมหลังจากรับประทานอาหาร หลังออกกำลังกาย หรือเวลาที่รู้สึกไม่สบายตัวก็ได้นะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://helenathailand.co