คลัง เร่งพิจารณาโครงการ“คนละครึ่ง”เฟส 2 พิจารณา 2 ธ.ค.นี้

SA Game

ภาพจาก https://www.thairath.co.th/news/business/1980369

ประชุม พิจารณา ศบศ.“คลัง”เร่งพิจารณาโครงการ“คนละครึ่ง”เฟส 2 เคาะ 2 ธ.ค.นี้

คลังดัน คนละครึ่ง ผ่านมาแล้ว 3 รอบ สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” ที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10 ล้านคน โดยรอบแรกเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 23 ตุลาคม 2563 และประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งครบ 10 ล้านคนแล้ว ปรากฏว่า มีผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิและไม่เริ่มใช้สิทธิภายในกำหนด 14 วัน

จึงได้มีการเริ่มตัดสิทธิตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย.  มีจำนวน 2.3 ล้านสิทธิ และเปิดให้ลงทะเบียนรอบสองในวันที่ 11 พ.ย. และมีผู้ใช้สิทธิ์ครบในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

กระทรวงการคลัง แจงข้อวิจารณ์การลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง” เชื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน พร้อมย้ำเฟส 2 ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น  คนละครึ่งรอบ 3 เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน รับสิทธิ์ใช้จ่ายเงินสูงสุดวันละ 150 บาท

  1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน เพื่อช่วยเหลือเยียวยา เพิ่มกำลังซื้อ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มดังกล่าว
  2. โครงการคนละครึ่ง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้จากการขายสินค้า โดยกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านคน
  3. มาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี โดยผู้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ประมาณ 3.7 ล้านคน
SA Game
ภาพจาก https://www.thairath.co.th/news/business/1979340

ดังนั้น จะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีความต้องการดูแลประชาชนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังได้มีการดูแลประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ผ่านมาตรการอื่น ๆ ของรัฐด้วย ในส่วนของโครงการคนละครึ่ง

ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนนั้น เนื่องจากเป็นการร่วมจ่าย กลุ่มเป้าหมายจึงเป็นผู้ที่พอจะมีรายได้เพื่อมาร่วมจ่ายกับรัฐ ซึ่งได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านคน

ขณะที่องค์ประกอบที่สำคัญของโครงการ คือระบบการใช้จ่ายด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่ต้องมีการยืนยันตัวตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้ให้มั่นใจว่าไม่มีผู้อื่นมาใช้สิทธิแทน และมีการใช้จ่ายจริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับประชาชนจนถึงระดับฐานรากให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาให้สังคมไทยเดินหน้าสู่ Digital Society ไปพร้อม ๆ กัน ในขณะเดียวกันยังเป็นการลดการใช้เงินสด ทำให้การดำเนินโครงการโปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากในการลงทะเบียนรอบเพิ่มเติม 2 ครั้งที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ 10 ล้านสิทธิ มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกเป็นจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีจึงได้มีดำริให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่ง

ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาแนวทางการดำเนิน โครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และสอดคล้องกับงบประมาณที่สามารถจัดสรรได้ รวมทั้งจะพัฒนาระบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น.

วันนี้(18 พ.ย.63)  ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. ครั้งที่ 5/2563

นายดนุชา พิชยนันทน์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งในที่ประชุมศบศ. ให้กระทรวงการคลังไปเร่งพิจารณาดูมาตรการ “คนละครึ่ง” ใน ระยะต่อไป

หลังพบว่า การทำมาตรการที่ผ่านมาได้ช่วยให้กระตุ้นการใช้จ่ายได้ดีมาก ส่วนจะปรับปรุงโครงการด้วยการเพิ่มวงเงิน หรือ ขยายระยะเวลาโครงการเพิ่มเติมอย่างไรนั้น กระทรวงการคลังต้องไปทำการบ้าน และเสนอมาให้ที่ประชุมศบศ.เห็นชอบในครั้งต่อไป ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการคนละครึ่ง ล่าสุด ณ วันที่ 17 พ.ย.2563 โดยมีกิจการลงทะเบียนรวมทั้งหมด 717,549 ร้าน แบ่งเป็น

  1. กิจการที่ลงทะเบียนสำเร็จ 417,138 ร้าน
  2. กิจการที่รอดำเนินการตรวจสอบ 206,620 ร้าน
  3. กิจการไม่เข้าข่ายเงื่อนไขของโครงการ 6,102 ร้าน

ส่วนประเภทของกิจการที่ลงทะเบียนสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม 228,810 ร้าน ส่วนร้านธงฟ้า 44,278 ร้าน ร้าน OTOP 15,240 ร้าน และร้านค้าทั่วไป 128,810 ร้าน

โดยกิจการที่ลงทะเบียนคนละครึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง 275,617 ร้าน รองลงมาอยู่ ภาคใต้ 142,396 ร้าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 135,612 ร้าน ขณะที่ผู้ลงทะเบียนมีทั้งสิ้น 9,277,402 ราย ใช้สิทธิแล้ว 8,751,739 ราย ได้สิทธิแล้วแต่ยังไม่ใช้ 625,663 ราย มีจำนวนสิทธิคงเหลือสำหรับเปิดลงทะเบียนเพิ่ม 722,598 ราย ปัจจุบันมียอดใช้จ่ายรวม 18,716.3 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายจากส่วนประชาชน 9,541.4 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 202 บาทต่อคน

ข่าว ความเคลื่อนไหว , ท้องถิ่นทั่วไทย , รัฐบาล , องค์การบริหารส่วนตำบล , อบต. , เทศบาล , เทศบาลเมือง , เทศบาลนคร , ทต. , องค์การบริหารส่วนจังหวัด , อบจ. , ข่าวรอบโลก , ข่าวการเมือง , ข่าวเศรษฐกิจ , ข่าวท่องเที่ยว ความร้อนแรงในประเดนต่าง ๆ ข่าวด่วน กระแสข่าว ข่าวชาวบ้าน ที่ได้รับความสนใจ ได้ที่ doodido

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ , ไทยรัฐออนไลน์