ข้าวต้มแห้งไข่เจียวผัดกะเพราเห็ด รสและเนื้อสัมผัสที่เคล้ากะเพรา
ลองเปลี่ยนมากิน ข้าวต้มแห้งไข่เจียวผัดกะเพราเห็ด รสและเนื้อสัมผัสไข่เจียว
ข้าวต้มแห้งไข่เจียวผัดกะเพราเห็ด (Rice Porridge Top Mixed Mushrooms and Holy Basil Sauce) ไข่เจียวที่เคล้ามาในผัดกะเพราเห็ด เลือกเห็ดที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมิติให้กับรสและเนื้อสัมผัส ข้าวต้มแห้ง หรือข้าวแห้ง หลายคนอาจจะไม่เคยกิน ข้าวต้มแห้งมีให้เลือกหลายอย่างทั้งข้าวแห้งเป็ด ไก่ หมู ซี่โครงหมู และอีกมากมาย ไหน ๆ ก็กินข้าวต้มน้ำกันมาบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมากินแบบแห้งกันบ้างดีกว่า รับรองว่าอร่อยกว่าที่คิด ไปดูวิธีทำ ข้าวต้มแห้งไข่เจียวผัดกะเพราเห็ด กันเลย
ส่วนผสมข้าวต้มแห้ง
- ข้าว 4 ถ้วย
- น้ำสะอาด 2 1/2 ถ้วย
- ใบเตย 2 ใบ
- เกลือหยิบมือ
ส่วนผสมเห็ดผัดกะเพรา
- กระเทียมไทย 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกจินดา 8 เม็ด
- น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดรวม 150 กรัม
- น้ำสะอาด 1/4 ถ้วย
- ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนชา
- พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 2 เม็ด
- ใบกะเพรา 1 ถ้วย
- เกลือหยิบมือ
ส่วนผสมไข่เจียว
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- พริกไทยขาวปรุงรส
- น้ำมันรำข้าวสำหรับเจียวไข่
วิธีทำ
- ใส่ข้าวและน้ำลงในหม้อ มัดใบเตยให้แน่นดีใส่ตามลงไป ตั้งไฟ พอเดือดลดไฟลงแค่ให้พอระอุ ต้มจนข้าวนุ่ม ยกออกจากเตา ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
- ตั้งกระทะเจียวไข่ ใส่น้ำมันให้พอเคลือบกระทะ ตอกไข่ทั้งหมดใส่ชามผสม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย ตีพอเข้ากัน พอกระทะร้อนใส่ไข่ลงเจียวให้สุกดีทั้ง 2 ด้าน ตักออกมาพัก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- โขลกพริกและกระเทียมกับเกลือเล็กน้อย ใส่น้ำมันลงในกระทะ ผัดเครื่องที่โขลกให้หอมดี ใส่เห็ดตามลงไป ใส่น้ำเล็กน้อย ผัดจนเห็ดสุกดี ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรมและน้ำปลา ใส่ไข่เจียวกลับลงไปพร้อมกับใบกะเพราและพริกชี้ฟ้า ผัดให้เข้ากัน
- ตักข้าวต้มใส่ชาม ตักไข่เจียวผัดกะเพราเห็ดโรยหน้า รับประทานร้อนๆ
สูตรอาหารพื้นบ้าน สูตรอาหารภูมิภาค สูตรอาหารจานด่วน สูตรอาหารท้องถิ่น สูตรอาหารประเทศเพื่อนบ้าน สูตรอาหารนานาชาติ สูตรอาหารจานเดียว หิวเมื่อไหร่ก็สามารถทำอาหารเป็นจาน ๆ แล้วกินได้เลย มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ใครเบื่อที่จะกินข้าวร้านตามสั่งเดิม ๆ แล้วล่ะก็ วันนี้ เราใจดีแจก สูตรอาหารยอดฮิต ทั้งข้าว ทั้งเส้น ฟินได้ไม่มีเบื่อ! เอาไว้ทำอาหารกินเองที่บ้าน ถ้าอยากทราบว่ามีเมนูอาหารอะไรกันบ้างก็ตามมาเลย! อ่านต่อได้ที่ doodido
ที่มา : นิตยสาร Gourmet & Cuisine