ข้อควรรู้!! 8 วิธีกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันง่ายๆ ได้ที่บ้าน

WM

เคล็ดลับ 8 ข้อนี้ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้คุณมั่นใจ

ทุกคนต่างอยากจะมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยกันทั้งนั้นถูกไหมค่ะ ฉะนั้นแม้ว่าเราจะใช้เวลานอกบ้านน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องหยุดเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง เรามีเคล็ดลับ 8 ข้อนี้ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้คุณมั่นใจว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะยังคงแข็งแรงอยู่เสมอ

ระบบภูมิคุ้มกัน คือ ระบบที่จะช่วยทำหน้าที่ป้องกันและกำจัดอันตรายจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือสารพิษ ที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและระบบต่าง ๆ อีกทั้งยังมีหน้าที่ตรวจสอบและตอบสนองต่อการติดเชื้อเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ระบบภูมิคุ้มกันของเราก็มีบางครั้งที่ไม่ได้แข็งแรงพอที่จะต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอม และเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายของเราก็จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เรารู้ว่าภูมิคุ้มกันตก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/congerdesign-509903/

1. ทานอาหารกลิ่นฉุน
คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบกลิ่นของหัวหอมและกระเทียม แต่เมื่อคุณทราบถึงประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายของพวกมันคุณอาจจะเปลี่ยนใจ

อันที่จริงแล้ว กระเทียมเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีความสามารถในการช่วยรักษาหวัดและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน อยากลองทานอาหารอร่อยๆที่มีกระเทียมและหัวหอม สามารถลองเมนูเหล่านี้ดูได้เลยค่ะ

2. นอนหลับให้เพียงพอ
ตอนที่เรานอนหลับ ระบบภูมิคุ้มกันของเราจะปล่อยโปรตีนที่ชื่อว่า ไซโตไคน์ (cytokines) ที่จะเข้ามาช่วยรักษาเราเมื่อเราได้รับเชื้อ เกิดการอักเสบของแผลหรือกล้ามเนื้อ หรือมีความเครียดสะสม เมื่อปราศจากการนนอนหลับ จะทำให้ร่างกายของเราขาดโปรตีนที่สำคัญตัวนี้่ ดังนั้นตามหลักแล้ววัยผู้ใหญ่ ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง วัยรุ่นควรนอนให้ได้วันละ 9-10 ชั่วโมง และในวัยเด็กควรนอนให้นานกว่านั้น อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญของการนอนหลับได้ที่นี่

3. ทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติก
โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียที่ดีที่มีประโชน์หลากหลาย ทั้งช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ปรับปรุงสุขภาพทางเดินอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ปรุงอาหารที่อุดมด้วยโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต ของดอง kefir และกิมจิ และเก็บไว้ในโหลอาหารคุณภาพดีๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น แต่คุณยังได้เพลิดเพลินกับอาหารดีๆ ได้ในบ้านของคุณอีกด้วย

เคล็ดลับ: หากเมนูของคุณมีส่วนผสมที่ทำจากนมสด ควรบริโภคภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากเก็บไว้ในโหลอาหาร Food Jar เพื่อความสดใหม่

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/accounts/login/

4. กักตุนวิตามิน
หากถามว่าตอนไหนดีที่สุดที่คุณควรกักตุนวิตามิน คำตอบคือตอนนี้ค่ะ วิตามินเอ วิตามินซี และ วิตามินดี ไขมัน และ โปรไบโอติก เป็นเพียงบางส่วนของสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นอย่าลืมทานวิตามินเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ในอาหารเสริมประจำวันของคุณ แต่ควรรวมเข้าไปเป็นส่วนประกอบในอาหารของคุณด้วย

5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การอยู่บ้านบ่อยขึ้นเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่คุณจะได้รวมการออกกำลังกายเข้าไปในชีวิตประจำวันของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องมียิมที่บ้านหรือมีอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายด้วยซ้ำ เพราะมีการออกกำลังกายง่ายๆ มากมายที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน และอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยนะคะ!

6. ดื่มน้ำเป็นประจำ
พูดถึงเรื่องการดื่มน้ำ การดื่มน้ำในระหว่างวันเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับตัวคุณ

หากคุณไม่ใช่ผู้ชื่นชอบการดื่มน้ำ คุณสามารถลองเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ ได้ รวมทั้งน้ำแอปเปิ้ลและอินทผลัมน้ำผึ้ง แสนอร่อยที่สามารถทำได้ที่บ้านและเก็บไว้ในกระบอกน้ำของคุณ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/zukunftssicherer-15491704/

7. ล้างมือบ่อยๆ
การล้างมือนั้นสำคัญมาก การล้างมือเป็นประจำไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในมาตรการที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียที่ไม่ดี ที่สามารถโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของคุณได้ แต่ยังเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ที่บ้านเพื่อให้ทั้งครอบครัวมีบ้านที่สะอาดขึ้น

8. ให้เวลากับตัวเอง
สุดท้ายแล้ว การจัดการความเครียดอย่างเหมาะสมก็มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากการใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ไปจนถึง

การเป็นห่วงคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเราหลายคนจะมีระดับความเครียดจะสูงขึ้น ดังนั้น DooDiDo ขอแนะนำว่าคุณควรหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองเพื่อสนุกกับกิจกรรมที่คุณคุ้นเคย ที่จะช่วยลดระดับความเครียดของคุณ เช่น วาดภาพ จมอยู่กับหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลง หรือการซุกตัวบนโซฟาดูหนังกับครอบครัว

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.thermosthailand.com