ข้อควรรู้ 10 พฤติกรรมเสี่ยง “มะเร็งปากมดลูก” รู้แล้วอย่าทำ

WM

รู้หรือไม่ว่ามะเร็งปากมดลูกนับว่าเป็นภัยร้ายที่ใกล้ตัวผู้หญิงอย่างมาก

มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่อันตรายโรคร้ายของผู้หญิงโรคมะเร็งปากมดลูกพบในผู้หญิงตั้งแต่อายุก่อน 30จนถึง 80 ปี ในแต่ละวันมีผู้เสียชีวิตจากโรงมะเร็งปากมดลูก สูงถึง 7 คนต่อวัน โรคมะเร็งปากมดลูก มีถึง4ระยะหรือระยะลุกลามที่แพร่ไปทั่วอวัยวะในร่างกาย เนื่องจากการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกหรือระยะก่อนเป็นมะเร็งนั้น จะไม่มีอาการใดๆที่แสดงออกมา รวมถึงผู้หญิงไทยยังมีอัตราการตรวจคัดกรองโรคในระดับที่น้อย กว่าที่จะตรวจพบ ก็อาจเข้าสู่ระยะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นชื่ออยู่ในลำดับต้นๆที่ผู้หญิงมักเป็นกันในประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกคิดเป็น 50% ของผู้หญิงที่เป็นโรคนี้เลยทีเดียว

ซึ่งจากสถิติพบว่าโรคนี้ได้คร่าชีวิตหญิงไทยเฉลี่ยมากถึง 7 คนต่อวันและหญิงไทยเฉลี่ยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกปีละ 6,000 คน สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกนั้นเกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกสั้นๆ ว่า HPV หรือมีชื่อเต็มๆ ว่า Human Papilloma Virus ซึ่งสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์จะติดเชื้อ? HVP ทุกคน

เนื่องจากโอกาส หรือความเสี่ยงในการติดเชื้อก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย ในบทความนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปดูกันว่า ความเสี่ยงอะไรบ้างที่จะทำให้เรามีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งปากมดลูกอาการ เป็นอย่างไร รวมถึงไขข้อสงสัยที่ว่าเราควรตรวจสอบมะเร็งปากมดลูก เมื่อใด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/

ความเสี่ยง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าสาเหตุของการเป็นมะเร็งปากมดลูกนั้นเกิดจากการที่เราได้รับเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่จะมีความเสี่ยงอะไรอีกบ้างที่จะทำให้เรามีโอกาสในการรับเชื้อไวรัสนี้มากขึ้นนั้น ไปอ่านกันเลย

  • มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย (ต่ำกว่า 18 ปี)
  • มีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคน
  • สูบบุหรี่
  • รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานติดต่อกันมากกว่า 5 ปี
  • มีบุตร หรือคั้งครรภ์หลายครั้ง (มากกว่า 4 ครั้ง)
  • ภูมิคุ้มกันไม่ดี
  • ละเลยไม่ตรวจภายในเพื่อทำการตรวจหาโรคมะเร็งปากมดลูก
  • มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน หรือเริม เป็นต้น
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@sasun1990

มะเร็งปากมดลูกมีอาการเป็นอย่างไร?

มะเร็งปากมดลูกจะมีอาการที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นักในระยะแรก แต่เมื่อมีการลุกลามแล้วจะมีอาการเลือดออกจากช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดได้หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังจากมีประจำเดือน นอกจากนี้อาจมีตกขาว ปัสสาวะ หรืออุจจาระปนเลือดได้อีกด้วย ดังนั้นความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่งของโรคนี้นั้นก็คือในระยะแรกจะไม่มีอาการใด ๆ และอาจใช้เวลากว่า 10 ปีหลังได้รับเชื้อจนก่อตัวเป็นมะเร็ง เพราะฉะนั้นเราจึงควรตรวจภายในเป็นระยะ หรือเป็นประจำทุกปีถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการของโรคก็ตาม หรือหากใครมีอาการดังที่ได้กล่าวไปก็ยิ่งควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ และรักษาต่อไป

ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไร

ทำแพปสเมียร์ และตรวจด้วยกล้องขยายทุก 4-6 เดือน ซึ่งรอยโรคขั้นต่ำบางชนิดสามารถหายไปได้เองภายในเวลา 1-2 ปี

  • ตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า
  • จี้ปากมดลูกด้วยความเย็น
  • ใช้มีดตัดปากมดลูกออกเป็นรูปทรงกรวย
  • ตัดมดลูก และเลาะต่อมน้ำเหลืองเชิงกรานออก (ระยะ 1-2)
  • ฉายรังสี และให้ยาเคมีบำบัด (ระยะ 2-4)
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/photos/lYR44OXwMA4

ถึงแม้ว่าโรคมะเร็งปากมดลูกจะเป็นโรคที่คร่าชีวิตหญิงไทยเป็นลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ แต่โรคมะเร็งปากมดลูกก็เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยเช่นกัน โดยเราควรหมั่นสังเกตอาการที่กล่าวมาข้างต้นว่าเรามีอาการเหล่านี้หรือไม่ ถ้าหากมีก็ให้รีบไปพบแพทย์ หรือแม้ว่าเราจะไม่มีอาการเหล่านี้ก็ควรจะไปตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีเช่นกัน เพราะโรคนี้ในระยะแรกจะไม่มีอาการใดๆ

ถึงอายุน้อยก็สามารถไปตรวจดูได้ มะเร็งปากมดลูกกว่า 90% เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ส่วนใหญ่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนน้อยติดต่อทางการสัมผัส มักพบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของผู้หญิงบริเวณปากมดลูก ช่องคลอด และอวัยวะเพศ ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก DooDiDo แนะนำว่าลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยการฉีดวัดซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื่อHIV เพื่อความปลอดภัยนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.muangthaiinsurance.com