ข้อควรรู้!! การเลือกแบบประกันที่เหมาะสมสำหรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

WM

สร้าง “ความคุ้มครอง” ให้เหมาะกับ ‘ไลฟ์สไตล์ (Life Style) ยุคใหม่’

ในยุคที่โลกกำลังพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเราเองที่เป็นมนุษย์ก็ต้องอย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเองให้พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย การใช้ชีวิตในวันข้างหน้าอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด มาสร้างการคุ้มครองตัวเองในฉบับคนรุ่นใหม่ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน แนวทางการใช้ชีวิตที่คุณสามารถเลือกได้เองตามความเหมาะสม

คนในยุคสมัยใหม่นั้นให้ความสำคัญกับตัวเองมากขนานไหน มาลงเตรียมความพร้อมในการดูแลตัวเองล่วงหน้า ทั้งการศึกษา การเงิน สุขภาพร่างกาย ดังนั้นวันนี้พวกเราจึงอยากจะมาแชรืเรื่องราวและข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับ การสร้างความคุ้มครองให้เหมาะกีบการใช้ชีวิตองคนรุ่นใหม่กับยุคมัยใหม่นั้นเอง สามารถติดตามอ่านต่อได้ในบทความนี้เลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@brookecagle

Wealth EZ: “รูปแบบการใช้ชีวิต” หรือ “ไลฟ์สไตล์” เปลี่ยนตามยุคสมัยตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ยิ่งในยุคดิจิทัลที่การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดอย่างรวดเร็ว ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่จึงเปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ตัวอย่างรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่มีความแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจนที่มีผู้รวบรวมไว้ เช่น

อิสระของเวลา: เวลาทำงานที่ตายตัวและทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำไม่ใช่ความต้องการของคนรุ่นใหม่อีกต่อไป คนรุ่นใหม่ต้องการบริหารจัดการเวลาให้ลงตัวตามแบบที่ต้องการ สามารถเลือกเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนได้

ทำงานที่ไหนก็ได้: การทำงานในสำนักงานถูกแทนที่ด้วยการทำงานทางไกลแบบ Hybrid Workplace การทำงานที่บ้านแบบ Work from home และการใช้บ้านเป็นสำนักงานแบบ Work at home สำหรับอาชีพอิสระ คนทำงานยุคใหม่มีทางเลือกและไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการจ้างงานแบบเดิมอีกต่อไป

สุขก่อนมั่นคง: แนวคิดยุคใหม่ในการมองความสุขและความพึงพอใจในการทำงานมากกว่าความมั่นคงที่เป็นเรื่องในระยะยาว รวมทั้งรูปแบบของธุรกิจใหม่ที่สามารถนำความถนัด ความชอบส่วนตัว มาสร้างรายได้ ทำให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสใช้งานอดิเรกในการประกอบอาชีพใหม่ๆ ได้

“ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่เน้นความมีอิสระในเรื่องเวลาและการทำงาน ให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่าอนาคต ทำให้ต้องคำนึงเรื่องความเสี่ยงและความไม่มั่นคงของรายได้ไว้ด้วย แต่ไม่ว่ารูปแบบการใช้ชีวิตแบบไหน การวางแผนการเงินก็เป็นเรื่องที่เราควรจะให้ความสำคัญ เพียงแต่รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างทำให้ต้องวางแผนการเงินแตกต่างกัน”

ในแผนการเงินควร “สร้างความคุ้มครอง” ที่ครอบคลุมความจำเป็นตาม “ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่” โดยมีความเฉพาะตัว (Personalize) ตามรูปแบบชีวิตของเรา มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลา และแยกการสร้างความคุ้มครองออกจากกันตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่ต้องการความคุ้มครอง ใช้เป็นหลักในการเลือกแบบประกันที่เหมาะสมสำหรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/visionpics-4638469/

1.ภาระสำคัญต่างๆ:

การแยกความคุ้มครองภาระสำคัญต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในช่วงเวลาต่างกัน เช่น ภาระหนี้สินระยะยาวของที่อยู่อาศัย ภาระด้านการศึกษาบุตร ทำให้แผนความคุ้มครองของเรามีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับตัวเรา (Personalize) มากกว่าการทำประกันแบบรวมที่ยืดหยุ่นน้อยและมีต้นทุนสูง  ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะกับความคุ้มครองต่างๆ ได้แก่

การสร้างความคุ้มครองที่มีการลดลงของทุนประกันในระยะยาว เช่น คุ้มครองหนี้ที่อยู่อาศัยด้วยแบบประกันคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MRTA) ที่มีการลดทุนประกันตามภาระหนี้สินคงเหลือที่ลดลงตามระยะเวลาของหนี้ แทนการทำประกันชีวิตทั่วไปที่มีทุนประกันคงที่ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกันภัยลงได้ด้วย ที่สำคัญมีความยืดหยุ่นเมื่อภาระหนี้สินที่จำนองไว้มีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถปรับเพิ่มหรือลดทุนประกันได้ง่ายกว่า

การสร้างความคุ้มครองที่มีเป้าหมายต้องบรรลุจำนวนเงินเป้าหมาย เช่น เป้าหมายการศึกษาที่ต้องการเงิน 1 ล้านบาทในอีก 10 ปีข้างหน้า สามารถเลือกสร้างความคุ้มครองและความมั่งคั่งควบคู่กันไป โดยเลือกแบบประกันสะสมทรัพย์ที่รวมการสร้างความคุ้มครองและส่วนของการสร้างความมั่งคั่งในผลิตภัณฑ์เดียวกัน ข้อดีของ ‘แบบประกันสะสมทรัพย์’ คือมีผลตอบแทนที่ชัดเจนและใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ภายใต้เงื่อนไขของกรมสรรพากรได้เกือบเต็มจำนวนเบี้ยประกันที่เราจ่ายในแต่ละปี

“ปัจจุบันมีทั้งแบบที่ให้ผลตอบแทนคงที่ตลอดสัญญาและแบบที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนตามจริง หรือเลือกแบบประกันที่มีลักษณะควบการลงทุนที่พัฒนาสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น ข้อดีคือสามารถลดทุนประกันลงในปีต่อมาเมื่อเราสะสมความมั่งคั่งได้เพิ่มขึ้น แต่สิทธิลดหย่อนภาษีทำได้เฉพาะส่วนของเบี้ยความคุ้มครองเท่านั้น  แบบประกันสะสมทรัพย์และแบบควบการลงทุนในส่วนของความมั่งคั่งยังสามารถนำมาร่วมในพอร์ตการลงทุนได้ด้วย”

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@homajob

2.ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลยาม ‘เจ็บป่วยปกติ’ และ ‘เจ็บป่วยร้ายแรง’

“อาชีพอิสระ” เปรียบเหมือนนายจ้างของตัวเราเอง สวัสดิการพื้นฐานด้านสุขภาพมีเพียงสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสิทธิประกันสังคมมาตรา 39 หรือ มาตรา 40 ตามคุณสมบัติของเรา หากเจ็บป่วยจะส่งผลกระทบด้านการเงินทั้งรายได้และเงินออมที่หดหายลดน้อยลง จึงควรสร้างความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมทั้งการเจ็บป่วยปกติ การเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรง และทุพพลภาพ ที่สำคัญควรมองถึงเงินชดเชยรายได้ในช่วงพักรักษาตัว ซึ่งเราจะไม่สามารถมีรายได้ด้วย

“ประกันสุขภาพในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลยิ่งขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องทำประกันแยกจากกัน ยกเว้นแต่เราต้องการเพิ่มความคุ้มครองอื่น ประกันสุขภาพประเภทเหมาจ่ายส่วนใหญ่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลหลักและมีเบี้ยประกันชีวิตที่ต่ำลง จึงตอบโจทย์ความคุ้มครองได้ดี ไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการสร้างความคุ้มครองเกินจำเป็น”

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@towfiqu999999

3.ค่าใช้จ่ายเมื่อเราไม่มีรายได้ทั้ง ‘ระยะสั้น’ และ ‘ระยะยาว’

เมื่อการเกษียณไม่ได้จำกัดที่อายุ 60 ปี การสร้างความคุ้มครองและออมเงินที่ผสมผสานแผนการออมลงทุนและแผนความคุ้มครองเข้าด้วยกันช่วยให้สามารถวางแผนการเงินที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ ประกันสะสมทรัพย์ที่ให้ทั้ง ‘ความคุ้มครอง’ และ ‘การออม’ ไปในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะแบบประกันที่มีการเพิ่มจำนวนเงินออมแต่มีทุนประกันชีวิตคงที่ รวมทั้งแบบประกันควบการลงทุนที่เน้นการสร้างเงินออม สามารถใช้เป็นทางเลือกในการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่เราไม่มีรายได้

เมื่อรูปแบบของชีวิตมีความหลากหลายขึ้นและไม่แน่นอน ความคุ้มครองต่างๆ จึงต้องปรับให้ยืดหยุ่นขึ้นด้วย สิ่งสำคัญในการสร้างความคุ้มครองคือต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการสร้างความคุ้มครองที่ดี การใช้ “แผนการเงินแบบองค์รวม” เฉพาะบุคคล ร่วมกับการ “เลือกแบบประกันที่ตรงวัตถุประสงค์” จะช่วยให้เราสร้างความคุ้มครองได้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของเรา และมีต้นทุนในการสร้างความคุ้มครองที่เหมาะสม

ถึงแม้ว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันจะสามารถที่จะเลือกเองได้ตามใจชอบ แต่ DooDiDo คิดว่าการวางแผนในเรื่องสำคัญ ๆ อย่างเรื่องของการเงินดูจะเป็นปัจจัยสำคัญให้กับเรามาก หากเราไม่รู้จักที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างเรื่องของการตกงาน หรือไม่มีงานทำ เมื่อนั้นเราจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าไลฟ์สไตล์ของเราจะไม่ค่อยได้คิดล่วงหน้าเกี่ยวกับปัญหาเรื่องของเงิน แต่เราก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ต้องรู้จักที่จัดการกับค่าใช้จ่ายอนู่อย่างสม่ำเสมอนะคะเพื่อนๆ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.wealthythai.com