กำไรสูงสุด หุ้นไอพีโอปี2563 ปิดเทรดวันแรก รวม 602.99 ล้าน

WM

ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay

ปิดเทรดวันแรก รวม 602.99 ล้าน กำไรสูงสุด หุ้นไอพีโอปี2563

กำไรสูงสุด หุ้นไอพีโอ เปิดนักลงทุนรายใหญ่ กำไรหุ้นไอพีโอปี 63 มากสุด “เสี่ยยักษ์ ” กำไรที่ราคาปิดเทรดวันแรก รวม 602.99 ล้าน พร้อมแนะซื้อไอพีโอ  ชี้ เป็นทางเลือกลงทุนให้ผลตอบแทนดี แต่เน้นหุ้นเติบโต -ราคาไม่แพง อัยยวัฒน์ “ติดโผอันดับ5 ฟันกำไร ”ศรีตรังโกลฟส์” 106ล้าน

หุ้นไอพีโอปี2563 กลับมาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุนที่ได้รับสรรหุ้นไอพีโอได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาหุ้นไอพีโอทีเข้าจดทะเบียนราคาวันแรกที่เข้าจดทะเบียนปรับตัวขึ้นไม่มาก และยิ่งในปี2562  ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองหลายบริษัท ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย เจ็บตัวกันไปตามๆกัน จนมีวลีเด็ด “ให้หุ้นไอพีโอ เท่ากับแช่ง” 

สำหรับผลตอบแทนเฉลี่ยหุ้นไอพีโอปี 2563 ณ ราคาปิดวันแรกเฉลี่ย อยู่ที่ 48.72% จากมีหุ้น(ไม่รวมกองรีทและกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน)เข้าจดทะเบียนทั้งหมด 26   แบ่งเป็น เข้าในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 14 บริษัท  ซึ่งมี 4 บริษัทเท่านั้น ที่ราคาปิดวันแรกต่ำกว่าราคาจองไอพีโอ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จำนวน 12 บริษัท มีเพียง 3 บริษัทที่ราคาต่ำกว่าไอพีโอ 

WM
ภาพโดย Lorenzo Cafaro จาก Pixabay

“หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ”ได้มีการรวบรวมนักลงทุนบุคคลที่ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอมากสุด  ซึ่งปัจจุบันมีหุุ้นไอพีโอที่รายงานข้อมูลการจัดสรรหุ้นแล้วจำนวน  13 บริษัท ประกอบด้วย  บมจ.เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง(WEG),บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา (DHOUSE),บมจ.สยามราชธานี (SO),บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK),บมจ.ศิรกร(SK),บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO),บมจ.เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC)บมจ.ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG)บมจ.ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี (SICI)บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT)บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC)บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์(NRF)บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG)สำหรับผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอปีนี้มากที่สุดปีนี้ 10 อันดับ ดังนี้1.นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ เสี่ยยักษ์ ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอ จำนวน 5 บริษัท รวม 51.67 ล้านหุ้น ประกอบด้วย DHOUSE จำนวน 5 ล้านหุ้น MICRO จำนวน 2.29 ล้านหุ้น ,ETC 18 ล้านหุ้น ,STGT 22.20  ล้านหุ้น ,NRF 4.18 ล้านหุ้น

สำหรับในปีนี้ มีหุ้นใหญ่ที่จะเข้าจดทะเบียน คือ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ที่เตรียมจะขายไอพีโอเร็วนี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นหุ้นที่ดี แต่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ขายไอพีโอ ถึง 3,000 ล้านหุ้น ราคาอาจไม่หวือหวา เหมาะลงทุนระยะยาว

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย  กล่าวว่า มองว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้จะมีความผันผวน จากที่นักลงทุนจะลงทุนโดยดูปัจจัยทางเทคนิคมากขึ้นและตามทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ  ซึ่งจะมีผลต่อการเข้าจดทะเบียนของหุ้นไอพีโอ ที่จะต้องเลือกจังหวะการในขายหุ้นให้ดี และ บริษัทที่เข้าจดทะเบียนต้องเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  หรือได้รับผลกระทบไม่มาก  รวมถึงการกำหนดราคาไอพีโอ ต้องเป็นราคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ

“ส่วนตัวมองว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้จะผันผวน ซึ่งจะมีช่วงที่ตลาดดีและไม่ดี จึงตอบยากว่าผลตอบแทนหุ้นไอพีโอปีนี้ จะเป็นอย่างไร แต่การลงทุนหุ้นไอพีโอนั้น นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโต และราคาเสนอขายไอพีโอเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์แต่ละช่วง”

 สำหรับปีนี้ บริษัทมีหุ้นไอพีโอที่เตรียมจะยื่นอีก 2-3 บริษัท  โดยคาดว่าจะยื่นหลังจากปิดงบการเงินงวดปี 2563  ส่วนที่ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว คือ  OR ที่เตรียมจะเสนอขายหุ้นไอพีโอในต้นปีนี้ 

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า แนวโน้มการออก IPO ในปีนี้ที่จะเริ่มเห็นมากขึ้นใน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่บริษัทขนาดใหญ่ มีแนวโน้มนำบริษัทบริษัทย่อย หรือบริษัทในเครือที่แข็งแรง หรือที่มีการเติบโตมากขึ้น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์  โดยที่ผ่านมา เช่น กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มปูนซีเมนต์ไทย และ  กลุ่มปตท.ฯลฯ ส่วนอีกรูปแบบเป็นบริษัทขนาดกลางและเล็ก รวมถึงธุรกิจครอบครัว ที่ต้องการขยายกิจการ ขยายธุรกิจใหม่ หรือขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

ขณะที่ปัจจัยพิจารณาออก IPO นอกจากธีมการลงทุนตามความต้องการของนักลงทุนแล้ว ยังต้องขึ้นกับความต้องการใช้เงินของผู้ออก และจุดเด่นของธุรกิจด้วย “การฟื้นตัวของธุรกิจ”จะเป็นธีมการลงทุนเด่นในปีหน้าดังนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับกระทบ แต่กลับมายืนได้เหมือนเดิมก่อนโควิด-19 และยังเติบโตได้ก็ยิ่งน่าสนใจ

แต่ในมุมมองหุ้น IPO ที่นักลงทุนสนใจ ยังคงเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตมากกว่าเงินปันผล เพราะราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นก่อนที่ผลประกอบการจะตามมา เช่นธุรกิจที่เป็นนิวอีโคโนมี  และเทคโนโลยี มีความน่าสนใจ แม้ในช่วงแรกธุรกิจอาจไม่มีกำไรแต่รายได้เติบโตเฉลี่ย 50-60% ต่อปี และในไทยยังไม่มีหุ้นแบบนี้อยู่ 

เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจทั่วโลก บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ เจาะตลาดการวางแผนเศรษฐกิจ  เศรษฐกิจการเงิน เศรษฐกิจการลงทุน ติดตามข่าวเศรษฐกิจด่วน กระแสข่าวเศรษฐกิจ ที่ได้รับความสนใจ ได้ที่ doodido

ที่มา  กรุงเทพธุรกิจ