การเคี้ยวอาหารที่ดีก็ให้ส่งผลดีต่อสุขภาพคุณด้วยนะ

WM

มาดู!! “ข้อดีของการเคี้ยวอาหารที่ดี” และ “ลักษณะการเคี้ยวที่ดี” เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น

หากคุณเป็นคนที่มักตื่นสาย หรืออาศัยอยู่ในเมืองหลวงอันแสนแออัดแล้ว ตอนเช้าๆ ในแต่ละวันของทุกคนต้องรีบร้อนทำกิจวัตรประจำวันมากแค่ไหนคะ ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะใช้ชีวิตกันอย่างรีบเร่งในตอนเช้า ก่อนไปทำงาน ก่อนไปเรียนหนังสือ หรือการรีบออกไปประชุมต่างๆ ในเวลาที่รีบเร่งแบบนี้แล้วทุกคนก็คงจะเคยชินกับการรีบกินอาหารที่มีอย่างรีบร้อนแล้วออกจากบ้านกันใช่มั้ยล่ะคะ ซึ่งการทานอาหารแบบรีบเร่งแบบนี้ไม่ส่งดีต่อสุขภาพของคุณเท่าไหร่นัก วันนี้เราจึงมาแนะนำถึง “ข้อดีของการเคี้ยวอาหารที่ดี” และ “ลักษณะการเคี้ยวที่ดี” เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นค่ะ

คนส่วนใหญ่คิดว่าการเคี้ยวช้าๆ ส่งผลดีแค่กับกระเพาะอาหาร และระบบขับถ่าย แต่น้อยคนนักที่รู้ว่า“การเคี้ยวช้าๆ” ยังส่งผลให้ระบบการทำงานอื่นๆ ในร่างกายดีขึ้นด้วย หรือถ้าหากเราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดพอ กระเพาะของเราจะต้องรับภาระในการย่อยอาหารมากขึ้น ยิ่งอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ กระเพาะจะต้องหลั่งกรด และมีการบีบตัวที่มากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืดหรือท้องเฟ้อตามมา

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/reidy68-208937/

การเคี้ยวอาหารให้ถูกต้อง

  1. เคี้ยวประมาณ 10 ครั้งต่อคำ สำหรับอาหารนิ่มๆ เช่น ข้าว ขนมปัง
  2. เคี้ยวประมาณ 20-30 ครั้งต่อคำ สำหรับอาหารที่มีความเหนียวเล็กน้อย อย่างเช่น เนื้อสัตว์ หรือผักทั่วไป
  3. เคี้ยวนานกว่าปกติ หรือประมาณ 30-40 ครั้ง สำหรับอาหารที่มีความเหนียวมากกว่าปกติ เช่น ไส้หมูย่าง หรืออาหารที่เคี้ยวละเอียดยาก แคบหมู ถือเป็นอาหารที่มีความแข็ง ควรเคี้ยว 20-30 ครั้ง

ประโยชน์ของการเคี้ยวอาหารช้าๆ

  1. ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี

การเคี้ยวช่วยบดอาหารให้ชิ้นเล็กลง เพื่อง่ายต่อลำไส้และการย่อยอาหาร เมื่ออาหารละเอียด ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารอาหารได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะใช้เวลาการย่อยอาหารน้อยลง

  1. ช่วยควบคุมน้ำหนัก

การเคี้ยวข้าวแบบไม่ละเอียดมีผลทำให้เราอ้วนขึ้นได้ เพราะติดนิสัยการรับประทานเร็ว ทำให้รับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นการใช้เวลานานในการเคี้ยว ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/alicia_harper-16897639/
  1. ช่วยย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น

เมื่ออาหารละเอียดก็จะย่อยได้ง่าย ร่างกายก็ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป เพราะหากร่างกายต้องทำงานหนักกว่าปกติแล้ว ในระยะยาวอาจทำให้ร่างการทรุดโทรมเร็วดูแก่ก่อนวัย

  1. ลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก

คนที่กินเร็วมักเลือกทานอาหารที่อิ่มง่าย ซึ่งส่วนมากประกอบด้วยแป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ และไขมัน เมื่อเคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้ย่อยยาก และเกิดเป็นอาการท้องอืด ท้องเฟ้อในภายหลัง

  1. ช่วยให้ฟันแข็งแรง

การเคี้ยว ทำให้น้ำลายออกมาก ลดการสะสมของคราบหินปูน ช่วยให้ฟันผุน้อยลง รวมทั้งยังเป็นการบริหารเหงือกและฟันให้แข็งแรงอีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@mattseymour

ลักษณะการเคี้ยวที่ดี

1.การเคี้ยวอาหาร 30 ครั้งต่อ 1 คำ ช่วยให้เหงือกแข็งแรง และช่วยรักษาอาการอารมณ์หงุดหงิด เครียด และโมโหง่าย

  1. การเคี้ยวอาหาร 50 ครั้งต่อ 1 คำ ช่วยลดความวิตกกังวลของอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากินอาหาร
  2. การเคี้ยวอาหาร 60 ครั้งต่อ 1 คำ เหมาะสำหรับการเคี้ยวอาหารที่มีกากไยมาก ช่วยลดอาการท้องผูก การทำงานของสมอง และช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การเคี้ยวอาหาร 80 ครั้งต่อ 1 คำ ช่วยให้ประสาทสัมผัสไวขึ้น ความจำดี สามารถจดจำ และจำแนกรสชาติของอาหาร ทั้งจากธรรมชาติและสารปรุงอาหารที่มีพิษ ต่อร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
  4. การเคี้ยวอาหาร 100 ครั้งต่อ 1 คำ ทำให้คุณจัดการ แก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สงบ เยือกเย็น กินน้อยลง แต่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มาก ทั้งช่วยลดการอยากอาหารประเภทเนื้อด้วย
  5. การเคี้ยวอาหาร 150 ครั้งต่อ 1 คำ ทำให้ระบบการทำงานของกระเพาะ และลำไส้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
  6. การเคี้ยวอาหาร 200 ครั้งต่อ 1 คำทุกมื้อ ช่วยให้หายจากโรคกระเพาะเรื้อรัง และโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ช่วยให้คาดการณ์และวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น

สำหรับคนที่กินอาหารอย่างรวดเร็วเป็นประจำแล้ว การหันมาใส่ใจกับการเคี้ยวอาหารให้ช้าลงนั้นเป็นเรื่องที่ยากแต่ถ้าหากคุณสามารถเคี้ยวอาหารช้าลงกว่าเดิมได้ ถึงแม้จะนิดเดียวแต่ DooDiDo ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ นอกจากนี้แล้วในระหว่างที่คุณเคี้ยวอาหารอยู่นั้นก็ถือได้ว่าเป็นการฝึกสมาธิให้จิตใจของคุณอีกด้วย นั้นก็เพราะคุณได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณทำอยู่นั่นเองค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.chiangmainews.co.th, www.thaihealth.or.th