สิ้นสุดการรอคอย เหยื่อที่โดนกดขี่ทางเพศ แก้แค้น ฆาตกรโรคจิต

กว่า 10 ปี จุดจบของ ฆาตกรข่มขืน ถูกเหยื่อเกือบ 200 คน ตีตายกลางศาล
อัคกู ยาดาฟ ลงมือข่มขืนผู้หญิงเกือบ 200 คน ที่ย่านสลัมของประเทศอินเดียมานานนับสิบปี หลังจากที่เหยื่อถูกกดขี่ทางเพศมานานหลายปีพวกเธอก็ได้แก้แค้นเอาคืนอย่างสาสม อัคกูยาดาฟ 32เติบโตในย่านสลัมนอกเมืองมหาราษฏระพ่อของเขามีอาชีพเป็นคนส่งนมเมื่อโตขึ้นก็เริ่มเข้าแก๊งค์สะสมบารมีจนตั้งแก๊งเป็นของตัวเอง
อัคคุอาศัยอยู่ในสลัมในนิวเดลีโดยการปล้นและรีดไถทรัพย์สินลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ และข่มขืนผู้หญิงซึ่งเจ้าหน้าที่แกล้งทำเป็นไม่เห็นเพราะเขาติดสินบนอัคคูเคยข่มขืนผู้หญิงในบ้านที่เขาก่อเพื่อปิดปากแทนที่จะฆ่าเขาเริ่มก่ออาชญากรรมเป็นครั้งแรกในปีพ. ศ. 1991 ก่อนหน้านี้ อัคกู ยาดาฟ คิดว่าไม่มีใครสามารถแตะต้องเขาได้ เนื่องจากการติดสินบนตำรวจในการก่ออาชญากรรมทุกครั้งเขาได้รับรายงานว่าฆ่าคนอย่างน้อยสามคนโดยเหยื่อที่เขาเลือกคือผู้หญิงในวรรณะจัณฑาลซึ่งเป็นวรรณะที่ต่ำที่สุดในอินเดีย นั่นเป็นเพราะเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นผู้หญิงเหล่านี้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่และพวกเธอจะถูกหัวเราะเยาะเย้ย ไม่ใส่ใจ

จนกระทั่งวันที่ 13 สิงหาคม 2547 เมื่อไม่สามารถทนต่อการกลั่นแกล้งได้ผู้หญิงเกือบ 200 คนจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านของอัคกูรุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธ ผู้หญิงในกลุ่มล้วนตกเป็นเหยื่อของการข่มขืนของเขาพวกเขาอ้างว่าเขาข่มขืนผู้หญิงหลายคน เหยื่อที่ถูกข่มขืนทั้งหมดอาศัยอยู่ในสลัม ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าเขามักจะทำให้ลูกน้องจับผู้ชายในบ้านแล้วข่มขืน แม้แต่เด็กหญิงอายุ 12 ปีเขาก็ไม่ได้รับความไว้วางใจ
จนถึงขณะนี้มีรายงานว่าผู้หญิงหลายสิบคนถูกตำรวจยาดาฟข่มขืน แต่กลับถูกหัวเราะเยาะและไล่ออกเนื่องจากยาดาฟติดสินบนเจ้าหน้าที่มาหลายปีและทุกครั้งที่ผู้หญิงมาหาตำรวจเขาเตือนเขา ต่อมายาดาฟจะไปหาพวกเขาขู่ว่าจะสาดน้ำกรดใส่พวกเขาและข่มขืนซ้ำ รวมถึงขู่ว่าจะทำร้ายสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาด้วยทำให้เรื่องเงียบไป
อัชชาร์ นารายานี หนึ่งในเหยื่อของยาดาฟที่ถูกข่มขืนเข้าแจ้งความกับตำรวจพร้อมพี่เขยของเขา แต่คราวนี้เธอตรงไปที่รองผู้บัญชาการเพื่อร้องเรียนโดยตรง รองผู้อำนวยการมั่นใจว่าเธอจะปลอดภัยและตำรวจจะนำตัวยาดาฟไปสอบสวน
คืนนั้น บ้านของอัคกูถูกเพื่อนบ้านและผู้อยู่อาศัยที่โกรธแค้นทุบจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ สุดท้ายตัดสินใจเข้ามอบตัวเพราะมั่นใจว่าจะปลอดภัยไม่ถูกดำเนินคดี เนื่องจากที่ผ่านมามีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางการรับรองว่าเขามีความปลอดภัยกว่าเหยื่อ
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขามอบตัวเขาถูกนำตัวไปศาล ด้านนารายานีและผู้หญิงคนอื่น ๆ ติดตามคดีนี้ทราบข่าวว่ามีแนวโน้มจะได้รับการประกันตัว คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้คนชั่วร้ายหายไป
พวกเขาระดมคนด้วยอาวุธที่มี ได้แก่ มีดผักหินและพริกป่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหยื่อของอัคกู ผู้หญิงเกือบ 200 คนแห่ขึ้นศาลเพื่อขอประกันตัวต่อมาอัคกูผ่านพวกเขาไปที่ห้องพิจารณาคดี จากนั้นเขาก็ล้อเลียนผู้หญิงคนหนึ่งโดยเรียกเธอว่า นังโสเภณีและขู่ว่าถ้าเขาออกไปจะข่มขืนเธออีก เมื่อมาถึงจุดนี้ตำรวจรวมทั้งอัคกูหัวเราะด้วยความขบขัน

มันเจ็บปวดราวกับถูกข่มขืนอีกครั้ง ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกันว่าเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความยุติธรรมพวกเขาจะลงโทษอัคกูด้วยตัวเอง พวกเรากับเขาไม่สามารถอยู่ร่วมโลกด้วยกันได้(ผู้หญิงที่เขาสบประมาทกล่าวทั้งน้ำตา)ไม่เขาก็ฉันต้องตายจากกันไปข้างนึง
จากนั้นเธอก็เริ่มตีเขาด้วยรองเท้าแตะของเธอเอง ภายในไม่กี่วินาทีผู้หญิงคนอื่น ๆ จากนั้นก็เข้าร่วมกับเธอโดยโรยผงพริกลงบนใบหน้าบางคนขว้างก้อนหินใส่หัว ชายที่ถือมีดแทงเข้าไปในร่างกายของอัคกูทุกคนกระทำโดยไม่ได้นัดหมายด้วยความโกรธ
เจ้าหน้าที่หนีไปเพราะกลัวโดนลูกหลงผู้หญิงรุมทำร้ายและทำร้ายอัคคุอยู่อย่างนั้นสิบนาที นอกจากการแทงเขาด้วยมีดมากกว่า 70 ครั้งแล้วผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับตัดอวัยวะเพศของเขาเลยทีเดียวมันควบคุมไม่ได้นารายานีกล่าวนี่ไม่ใช่วิธีที่เราทุกคนนั่งลงและวางแผนอย่างสงบว่าจะทำอะไรกับเขาแต่ความอดทนของเรามีขีดจำกัดนาทีนั้นเราทุกคนยอมเข้าคุกแต่คนเลวคนนี้จะต้องไม่กลับมาคุกคามและข่มขืนเราอีกสิบห้านาทีต่อมาอัคกูเสียชีวิตร่างกายของเขาอยู่ในสภาพที่จำแทบไม่ได้

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดรวมทั้งจำนวนมากที่พื้น หลังเกิดเหตุตำรวจออกหมายจับผู้หญิง 5 คนข้อหาฆ่าคนตายและอีก 21 คนข้อหาก่อความวุ่นวายต่อมาในปี 2555 DooDiDo ได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากไม่มีหลักฐานผลจากการแก้แค้นของเหยื่อที่ถูกข่มขืนกว่า 200 ร้อยรายทำให้รู้สึกว่า บางคนควรชดใช้ด้วยชีวิตการข่มขืนเป็นฝันร้ายของผู้หญิง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนรอยแผลก็ยังคงอยู่ แม้ว่าฉันจะพยายามกดมันลึก ๆ แต่คนที่ทำมันจะไม่มีวันลืม
แหล่งที่มา : blockdit (เรื่องสยองขวัญกับคดีฆาตกรรม)